อุบลราชธานี - หนุ่มป่วนผลักเจ้าหน้าที่กู้ชีพจังหวัดอุบลราชธานี ขณะปั๊มหัวใจช่วยฟื้นคืนชีพหนุ่มขี่ จยย.ชนต้นไม้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนตำรวจเข้าระงับเหตุนำตัวผู้ประสบเหตุส่งแพทย์ แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้
ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ภายหลังเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย และกู้ชีพอุบลราชธานี ได้โพสต์เฟซบุ๊กต่อว่าชายขัดขวางการช่วยชีวิตคนบาดเจ็บขี่จักรยานยนต์ชนต้นไม้ได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 22.00 วันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการ 1669 อุบลราชธานี ได้รับแจ้งมีจักรยานยนต์เสียหลักชนต้นไม้ริมถนนแจ้งสนิท ฝั่งขาเข้าเขตบ้านหนองจาน บริเวณจุดกลับรถร้านขายหมูยอชื่อดัง ต.แจระแม อ.เมืองอุบลราชธานี มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสในที่เกิดเหตุ 1 คน
หลังรับแจ้งจึงได้ส่งหน่วยกู้ภัยมูลนิธิศิษย์พระจี้กงอุบลราชธานี กู้ชีพคุณธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี เข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ พบจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟสีแดง-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เสียหลักตกจากถนนพุ่งชนต้นไม้ข้างทาง ใกล้กันพบร่างนายนันทวัฒน์ ทัดเทียม อายุ 19 ปี ผู้ขับขี่นอนหมดสติ ไม่มีชีพจร เจ้าหน้าที่กู้ชีพจึงได้นำร่างนายนันทวัฒน์ขึ้นมาจากข้างทาง และทำการปั๊มหัวใจเบื้องต้น หลังจากนั้นได้รีบประสานขอรถพยาบาลกู้ชีพชั้นสูงขององค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี (Advanced Life Support หรือ ALS) เข้าสนับสนุนการช่วยชีวิตเนื่องจากว่ายังมีโอกาสช่วยฟื้นคืนชีพของผู้ได้รับบาดเจ็บ
เมื่อรถพยาบาล Advanced มาถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ชีพได้นำร่างนายนันทวัฒน์ขึ้นไปบนรถปฏิบัติการฉุกเฉินระดับสูง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่พยาบาลเฉพาะทางเวชปฏิบัติฉุกเฉิน รวมทั้งพยาบาลวิชาชีพ และเจ้าพนักงานฉุกเฉินทำการช่วยชีวิต โดยใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ พร้อมใส่ท่อช่วยหายใจทางปากผ่านหลอดลม และทำการเจาะระบายเลือดในช่องช่วงอกออก เพื่อให้ผู้ประสบเหตุหายใจได้สะดวก
โดยระหว่างนั้นมีเจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ทำการปั๊มหัวใจ พยาบาลวิชาชีพอีกคนทำหน้าที่ให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ เพื่อให้ยาฉุกเฉินช่วยกระตุ้นหัวใจให้กลับมาเต้น
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ชีพกำลังเร่งช่วยชีวิตของผู้บาดเจ็บอยู่บนรถ มีชายหนุ่มอายุประมาณ 25-35 ปี สวมเสื้อยืดสีชมพู อ้างตัวเป็นคนรู้จักทำงานอยู่ด้วยกันกับนายนันทวัฒน์ ผู้บาดเจ็บ ได้วิ่งมาเปิดประตูด้านท้ายรถขึ้นไปบนรถพยาบาล ก่อนใช้มือผลักเจ้าหน้าที่กู้ชีพที่กำลังช่วยเหลือนายนันทวัฒน์ออก พร้อมโวยวายว่าเจ้าหน้าที่ทำงานชักช้า ไม่รีบนำตัวคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ก่อนที่เจ้าหน้าที่กู้ชีพอีกชุดขึ้นไปดึงตัวชายคนดังกล่าวลงมาจากรถเพื่อไม่ให้รบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ แต่ชายคนดังกล่าวก็ยังไม่ยอม ได้กระโดดกลับขึ้นไปบนรถพยาบาลอีกครั้ง และส่งเสียงโวยวายว่า “มันตายแล้ว” และเอามือไปปิดที่เปลือกตาของคนเจ็บ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เดินทางมาถึงต้องเข้ามาระงับเหตุ ไล่ชายคนดังกล่าวลงมาจากรถเพื่อไม่ให้ขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่หยุดชะงักไปราว 10 นาที
หลังจากนั้นจึงสามารถนำตัวนายนันทวัฒน์ส่งโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี แต่ผู้บาดเจ็บได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ เจ้าหน้าที่ที่เข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุระบุว่าถือเป็นเรื่องร้ายแรง เพราะส่งผลกระทบต่อการช่วยชีวิตผู้ประสบเหตุล่าช้า เนื่องจากทุกวินาทีที่สูญเสียไปมีค่าต่อชีวิตของผู้ประสบเหตุอย่างมาก
สำหรับผู้บาดเจ็บรายนี้ อาการแรกที่พบคือไม่หายใจ ไม่มีชีพจร แต่เจ้าหน้าที่กู้ชีพพิจารณาแล้วยังมีโอกาสที่จะช่วยฟื้นคืนชีพได้ด้วยทีมกู้ชีพระดับสูงกับเครื่องมือที่ทันสมัย จึงขอสนับสนุนทีมรถพยาบาล Advanced ในการช่วยฟื้นคืนชีพซึ่งเป็นการทำงานตามขั้นตอนที่เป็นมาตรฐานสากล เช่น การใส่ท่อช่วยหายใจ การทำ CPR การให้สารน้ำ (น้ำเกลือ) กระตุ้นหัวใจ ทั้งหมดนี้จะทำได้ดีและมีประสิทธิภาพเมื่ออยู่ในพื้นที่มั่นคงแข็งแรง การทำขณะที่รถเคลื่อนตัวอาจจะเกิดการผิดพลาดได้
เจ้าหน้าที่จึงมีความจำเป็นต้องเตรียมผู้บาดเจ็บให้อาการคงที่มากที่สุด ก่อนจะทำการเคลื่อนย้าย พฤติกรรมของชายดังกล่าวถือเป็นภัยต่อผู้บาดเจ็บและเจ้าหน้าที่กู้ชีพผู้ปฏิบัติงานอย่างมาก ซึ่งได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผู้ใหญ่ของหน่วยรับทราบเพื่อจะดำเนินการอย่างไรกับชายคนดังกล่าวได้บ้างหรือไม่
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปหาชายที่คาดจะเป็นคนในภาพซึ่งมีคนระบุว่าทำงานอยู่โรงงานแห่งหนึ่ง ห่างจากจุดเกิดเหตุไปประมาณ 7 กิโลเมตร แต่ไม่พบตัว จึงไม่สามารถยืนยันว่าเป็นชายที่สวมเสื้อสีชมพูจริงหรือไม่ ส่วนศพของนายนันทวัฒน์ ญาติได้มารับกลับไปบำเพ็ญกุศลที่อำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อบ่ายวานนี้ (13 มิ.ย.) แล้ว