พิษณุโลก - ตำรวจคุมตัว “นายช่าง สวท.” ทำแผนยิงเพื่อนร่วมงานดับ 3 สาหัส 1 คาสถานีวิทยุฯ พิษณุโลก ขณะที่ “ช่างวิม” เปิดใจยิงทีละคน ก่อนถูก ผอ.กระโดดใส่แล้วสู้ไม่ไหวควักมีดหมอแทงขั้วหัวใจ-ยิงซ้ำ บอกชีวิตราชการจะโตได้ต้อง..ต้องชงเหล้าให้นาย..?
วันนี้ (28 พ.ค.) พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก พร้อมชุดสืบสวนทั้งในและนอกเครื่องแบบ ได้ควบคุมตัวนายวิม สอนสุด อายุ 59 ปี นายช่างไฟฟ้าชำนาญการ ประจำสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) จ.พิษณุโลก (สวท.พิษณุโลก) มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
หลังก่อเหตุสุดสะเทือนขวัญ ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. และ .38 รวม 2 กระบอก รวมทั้งมีดหมอ สังหารเพื่อนร่วมงานเสียชีวิต 3 ราย วานนี้ (27 พ.ค.) ประกอบด้วย 1. นายสานิตย์ บุตรมางกูล ผอ.สวท.พิษณุโลก 2. นายจิรวุฒิ สุเมธเทพานันท์ นายช่างไฟฟ้า 3. นายภูมิศรัณญ์ พันธ์ภูมิ นายช่างอาวุโส และบาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย คือ นายปรุง จันทร์แดง ช่างเครื่องส่ง ส่วนสาเหตุมาจากมีความเครียดและปัญหาส่วนตัวกับเพื่อนร่วมงานตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้จัดกำลังคุ้มกันแน่นหนาระหว่างนำตัวนายวิม ผู้ต้องหา ไปทำแผนจุดแรกที่ใช้อาวุธปืนยิงนายจิรวุฒิ สุเมธเทพานันท์ อายุ 47 ปี นายช่างไฟฟ้าอาวุโส ขณะกำลังปีนบันไดปรับกล้องวงจรปิดอยู่บริเวณห้องโถงด้านหน้า 3 นัด จุดที่ 2 บริเวณห้องควบคุมเครื่องส่ง ผู้ต้องหาได้ใช้อาวุธปืนยิงนายภูมิศรัณญ์ พันธ์ภูมิ อายุ 55 ปี นายช่างอาวุโส กระสุนเข้าที่แผ่นหลัง 5 นัด เสียชีวิตในสภาพฟุบหลังตู้ไฟอยู่ภายในห้องจัดรายการวิทยุ
จุดที่ 3 ใช้อาวุธปืนยิงนายปรุง จันทร์แดง อายุ 56 ปี ช่างเครื่องส่ง ที่เข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ปากบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้เข้าห้องผ่าตัดพ้นขีดอันตรายแล้ว และจุดที่ 4 บริเวณด้านหลังอาคาร สวท.พิษณุโลก ซึ่งผู้ต้องหาใช้อาวุธมีดหมอแทงและใช้อาวุธปืนยิงใส่ร่างของนายสานิตย์ บุตรมางกูล อายุ 60 ปี ผอ.สวท.พิษณุโลก
โดยใช้เวลาทำแผนประกอบคำรับสารภาพประมาณ 30 นาที ก่อนนำตัวกลับไปฝากขังไว้ก่อนที่ สภ.เมืองพิษณุโลก พร้อมกับเร่งรวบรวมพยานหลักฐานส่งฟ้องศาลในวันพรุ่งนี้ (29 พ.ค.)
พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก กล่าวว่า วันนี้ได้ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งผู้ต้องหาได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เกี่ยวกับขั้นตอนในการก่อเหตุต่างๆ โดยมีการยิงด้านหน้าห้องโถง-ห้องส่ง โดยเฉพาะการยิง ผอ.ซึ่งมีการต่อสู้กัน แต่ผู้ต้องหาสู้ ผอ.ไม่ได้จึงใช้อาวุธมีดหมอแทงตัดขั้วหัวใจก่อนใช้ปืนยิงซ้ำ
สำหรับสาเหตุที่ผู้ต้องหาก่อเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ เบื้องต้นเป็นเรื่องที่มีปัญหากันระหว่างกลุ่มนายช่างกับผู้ต้องหา ซึ่งมีอายุมากประกอบกับสุขภาพไม่สมบูรณ์เท่าไหร่จึงทำงานผิดพลาดมีปัญหาของหายประจำ โดนหัวหน้างานต่อว่าบ่อยครั้ง ก่อนเกิดเหตุก็เป็นเรื่องของหาย จึงทะเลาะกับนายช่างทั้ง 2 คน จึงลงมือก่อเหตุ จากนั้นก็กลัวความผิดจึงเดินหาคนเห็นเหตุการณ์ ซึ่งกรณีสังหาร ผอ.สวท.พิษณุโลก เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า เพราะ ผอ.เดินมาเห็นจึงเป็นการลงมือเดี๋ยวนั้นทันที
ส่วนเรื่องการกินยาระงับประสาทตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามียาโรคประจำตัว เช่น หืดหอบ โรคหัวใจ ซึ่งก็ขอประวัติการรักษาจากโรงพยาบาลพุทธชินราชมาประกอบสำนวนในคดีด้วย
“จากคำให้การคิดว่าเป็นเหตุการณ์ซึ่งหน้า สาเหตุเกิดจากการเก็บกดจากเรื่องงานที่ผิดพลาดบ่อยครั้งเพราะปัญหาสุขภาพจนมาระเบิดระบายความแค้นวันนี้ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และก็รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปพร้อมรับความผิดชดใช้กรรม เบื้องต้นได้ตั้งข้อกล่าวหาเรื่องฆ่าและพยายามฆ่าและมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเท่าที่รับรายงานในวันนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว”
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิม สอนสุด ผู้ต้องหา ได้เปิดใจระหว่างถูกควบคุมตัวว่า ตนเคยนั่งนับ 1-10 จนถึง 1,000 ถึงผ่านทุกอย่างมาได้ แต่วันที่ก่อเหตุนั้นตนนั่งกินยาอยู่ ระหว่างนั้นนายจิรวุฒิ สุเมธเทพานันท์ นายช่างไฟฟ้าอาวุโส โทร.เข้ามาว่าให้หา “ออสตินหม้อแปลง” แกนอากาศที่ไว้สำหรับใช้กับยอดเสาไฟให้หน่อย บอกว่าวางอยู่ตรงประตูตรงนี้ 3-4 วัน ตนก็บอกว่าตนไม่ได้ยุ่ง
กระทั่งนายจิรวุฒิ นายช่างไฟฟ้าอาวุโส กลับมา ตนก็ไปดูว่าออสตินมีไหม ปรากฏว่าเจอก็เลยมาตามให้นายจิรวุฒิไปดู แต่นายจิรวุฒิกลับพูดเหมือนว่ามันไม่ใช่ที่เขาตามหา คือเขาไม่ด่า แต่ความรู้สึกคือตนจะรู้ไหมว่าเขาตามหาอะไรกันแน่ อยู่ดีๆ ตนนั่งอยู่เฮฮาดีๆ ก็ชอบหน้าบึ้งใส่ “บางครั้งชอบสั่งอย่าไปยุ่ง ถ้ายุ่งกล้ารับผิดชอบไหม”
นายวิม ผู้ต้องหา ยังพูดระหว่างถูกควบคุมตัวหลังก่อเหตุอีกว่า นายภูมิศรัณญ์-นายช่างอาวุโส ที่เสียชีวิตในสภาพนั่งฟุบหลังตู้ไฟภายในห้องจัดรายการวิทยุ ก็เป็นคนชอบเสี้ยม หลังจากยิงคนแรกแล้ว คนที่ 2 ก็คงมั่นใจว่าตัวเองไม่รอดแน่เลยวิ่งหนีไป ตนก็ตามไปยิงจนตาย
ส่วนการสังหาร ผอ.สวท.พิษณุโลก นายวิม ผู้ต้องหาบอกว่า ตอนเดินออกมาข้างนอกสถานีฯ ก็ไม่รู้ว่า ผอ.อยู่ตรงไหน แต่เขาโถมมาใส่ ตนก็ไม่ยอมจึงต่อสู้ยื้อยุดฉุกกระชาก หักข้อมือกันอยู่ ตนก็เอามือข้างหนึ่งดันคาง ผอ.ไว้ ปืนมันก็ลั่นส่ายไปส่ายมา และในกระเป๋าตนมีมีดหมออยู่ เพราะเป็นคนชอบไสยศาสตร์ก็จะพกของพวกนี้ไว้ คือตอนนั้นคิดว่าถ้า ผอ.แย่งปืนไปได้ตนก็ตาย จึงใช้มือที่ค้ำคอ ผอ. ก่อนหยิบมีดออกมาจ้วงแทงตัดขั้วหัวใจ แล้วใช้อาวุธปืนยิง
ส่วนคนเจ็บ (นายปรุง-ช่างเครื่องส่ง) นายวิม ผู้ต้องหาบอกว่าจริงๆ ก็ไม่ได้มีเรื่องโกรธเคืองอะไรกับเขา เพียงแต่เขาเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ ถ้าเขารอดก็โอเค แต่ในความรู้สึกตอนนั้นตนหน้ามืดแล้ว บอกไม่ถูกแล้วเอาจริงๆ ตนก็พร้อมจะไป วินาทีที่ทำภารกิจเสร็จก็โทร.หาครอบครัวว่าตนจะไปแล้วนะ แต่เมียตนขอ ก็บอกเขาว่าถ้างั้นตนก็พร้อมจะเผชิญกับความจริง
“มาขนาดนี้แล้ว ผมรับสารภาพว่ายิงทั้งหมด 4 คน มาถึงตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรแล้ว ชีวิตมันจบแล้ว ผมสอบบรรจุ ก.พ.ได้เป็นรุ่นสุดท้าย ปี 2534 ทุ่มเทให้กับระบบราชการ ไม่เคยเกี่ยงงอน เอาความรู้ที่เคยทำงานกับบริษัทเอกชนมาทุ่มเทให้กับตรงนี้เต็มที่ แต่สุดท้ายผมคิดว่ารับราชการมาจะโตได้ต้องเลียใช่ไหม ต้องชงเหล้าให้นายแ..กใช่ไหม” นายวิมกล่าวระหว่างถูกคุมตัวจากที่เกิดเหตุ สวท.พิษณุโลก ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.เมือง