บุรีรัมย์ - ขรก.พนักงานบริษัทและพ่อค้าแม่ค้า จ.บุรีรัมย์และอีกหลายจังหวัดหอบหลักฐานบุก สภ.ห้วยราช แจ้งจับเท้าแชร์ “บ้านแจกดอก พิมมี่” โพสต์เฟซฯ หลอกชวนเล่นแชร์ออนไลน์เสนอผลตอนแทนสูงมีคนหลงเชื่อสูญเงินกว่า 6 ล้าน ตร.ออกหมายเรียก
วันนี้ (19 พ.ค.) ข้าราชการ พนักงานบริษัท และพ่อค้าแม่ค้าทั้งใน จ.บุรีรัมย์ นครราชสีมา สุโขทัย กรุงเทพมหานคร สระบุรี และ จ.นนทบุรีกว่า 10 คน ได้นำเอกสารหลักฐานข้อความการแชตสนทนาผ่านเฟซบุ๊ก เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ฤทธิ์ไธสง รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ให้ดำเนินคดีต่อ น.ส.เพ็ญ อายุ 32 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นเท้าแชร์ “บ้านแจกดอก พิมมี่” โดยกล่าวหาว่า น.ส.เพ็ญมีพฤติกรรมโพสต์เชิญชวนสมาชิกเข้ามาเล่นแชร์ออนไลน์ในบ้านแจกดอก พิมมี่ อ้างว่าจะนำเงินไปร่วมลงทุนทำธุรกิจ โดยจะให้ผลตอบแทนสูง อาทิ หากใครลงทุน 100,000 บาท จะได้ดอกเบี้ย 20,000 บาทภายใน 3 วัน แต่หากใครติดต่อผ่านหลังบ้านหรือแชตส่วนตัวจะได้ผลตอบแทน 40,000 บาท ภายใน 3 วันเหมือนกัน
จึงทำให้มีคนหลงเชื่อเข้าไปร่วมเล่นแชร์กับ “บ้านแจกดอก พิมมี่” ดังกล่าวจำนวนมาก ซึ่งระยะแรกได้ผลตอบแทนตามที่กล่าวอ้างจริง แต่พอระยะหลังมีสมาชิกหรือลูกแชร์ลงเล่นทุนที่สูงขึ้นบางรายลงเป็นหลักแสนถึงล้านบาท น.ส.เพ็ญ ซึ่งเป็นเท้าแชร์เริ่มบ่ายเบี่ยงไม่จ่ายทั้งต้นและดอกเบี้ยให้ลูกแชร์ พอติดต่อไปอ้างโน่นอ้างนี่ บางครั้งติดต่อไม่ได้ จึงเชื่อว่าน่าจะถูกหลอก ณ ขณะนี้เท่าที่ทราบมีผู้ตกเป็นเหยื่อแล้วกว่าเกือบ 70 คน มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 6 ล้านบาท จึงได้ทยอยพากันเข้าแจ้งความร้องทุกข์ทั้งในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ และจังหวัดต่างๆ เพื่อให้เอาผิด น.ส.เพ็ญ เท้าแชร์
นางศันสนีย์ ดีด่านกลาง อายุ 38 ปี และ น.ส.ศิริพาภรณ์ ดีขุนทด อายุ 26 ปี ผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความ บอกว่า ที่ตัดสินใจเล่นแชร์กับบ้านแจกดอก พิมมี่ เพราะมีการเชิญชวนผ่านเฟซบุ๊กและเสนอให้ผลตอบแทนที่สูงมากกว่าบ้านแชร์อื่นๆ จึงมีคนหลงเชื่อเข้าไปร่วมเล่นเป็นจำนวนมาก ยอมรับว่า 2-3 ครั้งแรกได้รับผลตอบแทนจริง แต่น่าจะเป็นกลอุบายที่ทำให้ลูกแชร์ตายใจ พอระยะหลังลูกแชร์ลงจำนวนมากหลักแสนถึงหลักล้านก็ไม่จ่ายให้ทั้งต้นและดอกเบี้ยเลย สอบถามทางเฟซฯ ก็บ่ายเบี่ยงอ้างโน่นอ้างนี่ จึงเชื่อว่าน่าจะเจตนาฉ้อโกงเอาเงิน จึงได้มาแจ้งความให้เอาผิดเท้าแชร์บ้านแจกดอก พิมมี่ดังกล่าว เพราะไม่อยากให้ไปหลอกลวงคนอื่นอีก
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกไปยังผู้ถูกกล่าวหา นัดให้มาพบภายในวันที่ 3 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ ถ้าไม่มาจะออกหมายเรียกครั้งที่สอง และหากไม่มาอีกจะออกหมายจับตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายความผิด “พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.แชร์” คาดว่าน่าจะมีผู้เสียหายในหลายท้องที่จังหวัด ซึ่งสามารถเข้าแจ้งความร้องทุกข์ใน สภ.ท้องที่ได้