ศูนย์ข่าวขอนแก่น - รวบ 3 หนุ่มใต้แฮกเฟซบุ๊กหลอกยืมเงินเพื่อนเจ้าของบัญชี Fb หลงกลตกเป็นเหยื่อทั่วประเทศนับ 10,000 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 14 ล้านบาท ประกาศใครเคยหลงกลให้แจ้งความโรงพักใกล้บ้าน
วันนี้ (19 พ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 แถลงผลการจับกุมแก๊งเฟซบุ๊กหลอกยืมเงินเพื่อนเหยื่อ ได้ผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย นายกนกพล ชนะสัตย์ อายุ 25 ปี นายเอกลักษณ์ ชนะสัตย์ อายุ 22 ปี ทั้งคู่เป็นชาวตำบลอ่าวลึกเหนือ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ และนายพีรพรรษ รักศักดิ์เสถียร อายุ 21 ปี ชาวตำบลในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมาได้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองมุกดาหาร ว่ามีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ Klinjun Ramangkool ซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้เสียหาย ได้แชตมาขอยืมเงิน ชื่อบัญชีนางแสงไว พรหมรักษ์ ผู้เสียหาย จึงได้โอนเงินไปให้ตามบัญชีดังกล่าว เมื่อโอนเงินแล้วจึงโทรศัพท์สอบถามเจ้าของเฟซบุ๊ก ปรากฏว่าไม่ได้เป็นคนโพสต์ขอยืมเงินแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าน่าจะถูกแฮกเฟซบุ๊กดังกล่าวเพื่อหลอกยืมเงิน
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวน จนทราบว่าผู้ต้องหาที่ปลอมเฟซบุ๊กหลอกโอนเงินคือ นายเอกลักษณ์ โดยจะค้นหาเบอร์โทรศัพท์จาก google แล้วนำเบอร์โทรศัพท์ไปล็อกอินเข้าเฟซบุ๊ก ส่วนรหัสผ่านก็จะสุ่มเอาจากหมายเลขโทรศัพท์ เมื่อเข้าบัญชีเฟซบุ๊กของผู้เสียหายได้แล้วก็จะแชตไปขอยืมเงินจากเพื่อนสนิทในเฟซบุ๊กให้โอนเข้าบัญชีธนาคารที่จัดเตรียมไว้ จากนั้นก็จะถอนเงินสดออกจากบัญชีแล้วนำมาแบ่งกัน
ที่ผ่านมามีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อจำนวนมากนับ 10,000 ราย จากการตรวจสอบเงินหมุนเวียนในบัญชีผู้ต้องหาทั้ง 3 รายมีมูลค่ารวมกันสูงประมาณ 14.7 ล้านบาท และจากการตรวจสอบประวัติพบว่ามีการเข้าแฮกเฟซบุ๊กของผู้อื่นจำนวน 289 ครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้นายเอกลักษณ์ถูกจับกุมในความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และอยู่ระหว่างประกันตัว
หากประชาชนท่านใดถูกคนร้าย Hack Facebook หรือสงสัยว่าคนร้ายกลุ่มนี้จะเป็นผู้ก่อเหตุ สามารถแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมได้ที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน
เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา “เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ หรือนำข้อมูลเท็จระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้” ก่อนให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป