xs
xsm
sm
md
lg

ล็อกเป้าสแกนเนิน 710! ส่ง จนท.ค้างคืนค้นหา 7 ชีวิตคนวังทอง 4 สุนัข 3 หลงป่าทุ่งแสลงหลวง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พิษณุโลก - ทภ.3 ตชด.31 กระทรวงทรัพย์ฯ ส่ง ฮ.3 ลำขน จนท.-เสบียงปักหลักนอนค้างบนเขา ก่อนลุยค้นหา 7 ชีวิต คน 4 สุนัข 3 หลงป่าทุ่งแสลงหลวง..หลังเจอซองกาแฟ รอยสุนัขนอน เศษหัวปลี ผนวกเสียงเคาะไม้ พิกัดสัญญาณโทร.ครั้งสุดท้าย ล็อกเป้าต้องสงสัยเนิน 710


วันนี้ (17 พ.ค.) กำลังทหารกองทัพภาคที่ 3, ตชด.31, อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง พร้อมด้วยฝ่ายปกครองอำเภอวังทอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทีมกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน กู้ภัยบูรพา ทีมร่มบิน ตลอดจนชาวบ้าน พรานป่าในพื้นที่ ยังคงสนธิกำลังค้นหา 7 ชีวิต คนวังทอง 4 สุนัข 3 ที่สูญหายไปในผืนป่า อช.ทุ่งแสลงหลวง ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค. จนวันนี้ย่างเข้าสู่วันที่ 6 แล้ว

ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านป่ามะกรูด หมู่ 11 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ถูกแปรสภาพเป็นกองอำนวยการค้นหาตั้งแต่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา หลัง น.ส.เจนจิรา ชัยชนะ อายุ 22 ปี ลูกสาวนางแดง ชัยชนะ อายุ 43 ปี และนายวิโรจน์ ชัยชนะ อายุ 45 ปี แจ้งว่าพ่อกับแม่ (นางแดง-นายวิโรจน์) เข้าป่าหาเห็ดเมื่อ 12 พ.ค. พร้อมกับนางทองรัตน์ กัญยาประสิทธิ์ อายุ 45 ปี กับ ด.ช.ปัญญา น้อยอินทร์ อายุ 13 ปี และสุนัขอีก 3 ตัว แล้วขาดการติดต่อไปตั้งแต่บ่ายวันเดียวกัน


จากนั้นมีการระดมกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมพรานป่าที่ชำนาญพื้นที่ออกค้นหาภาคพื้นดิน นอกจากนี้กองทัพภาคที่ 3 สตช. โดย ตชด.31 รวมทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ (ทส.) ส่งเฮลิคอปเตอร์สนับสนุนการค้นหาทางอากาศรวม 3 ลำ

กระทั่งวานนี้ (16 พ.ค.) มีรายงานว่าทีมค้นหาได้ยินเสียงคล้ายคนเคาะไม้ส่งสัญญาณบริเวณพิกัดเนิน 710 ใกล้เคียงกับพิกัดสัญญาณโทรศัพท์ครั้งสุดท้ายที่นางแดง (หนึ่งในผู้สูญหาย) โทร.หาลูกสาวคือ น.ส.เจนจิรา เมื่อบ่ายวันเกิดเหตุ (12 พ.ค.) แต่เดินสำรวจแล้วไม่พบร่องรอยใด นอกจากนี้ ทีมค้นหาหลายจุดรายงานว่าพบซองกาแฟ รอยสุนัขนอนดิน มีคนกินหัวปลีใกล้ลำธาร และโพรงไม้มีการจุดไฟ แต่ไม่พบตัวผู้สูญหาย


นอกจากนี้ เนื่องจากการเข้าถึงพื้นที่เป้าหมายทางภาคพื้นดินต้องใช้เวลาเที่ยวละไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง คืนที่ผ่านมาใช้เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงทีมค้นหาดรอบลงบริเวณใกล้เคียงเนินดังกล่าว พร้อมปักหลักค้างคืนเพื่อเริ่มค้นหาเช้าวันนี้ทันที ลดเวลาการเข้าถึงพื้นที่เป้าหมาย

ด้านทีมร่มบินกู้ภัยบูรพาก็ได้ขึ้นบินจากฐานบินลานตากมันตั้งแต่ 06.00 น.ที่ผ่านมา เพื่อนำอาหาร-น้ำดื่มขึ้นไปส่งให้ทีมค้นหาที่จะกระจายกำลังตามพิกัดต่างๆ ห่างจากบ้านป่ามะกรูดไปประมาณ 7-10 กิโลเมตร จุดละ 1 กิโลเมตร พร้อมรายงานพิกัดตำแหน่งบน GPS ทุกระยะ 1 กิโลเมตรลงมายังกองอำนวยการ

นายบุญเหลือ บารมี นายอำเภอวังทอง จ.พิษณุโลก กล่าวว่า หากทีมค้นหาพบผู้หลงป่าก็จะนัดพบกันที่จุดลงจอดเฮลิคอปเตอร์ จากนั้นจะนำทีมหมอ-พยาบาลขึ้นไปประเมินอาการและรักษาพยาบาลเบื้องต้น ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมสนามโรงเรียนวังทองพิทยาคมเป็นสนามลำเลียงผู้สูญหายลงมา โดยจะมีรถฉุกเฉินมารอรับส่งต่อยังโรงพยาบาลวังทอง อ.วังทอง หรือหากผู้หลงป่ามีอาการไม่ค่อยดี จะลำเลียงส่งต่อไปโรงพยาบาลพุทธชินราช หรือโรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมืองพิษณุโลก


นายบุญยืน น้อยอินทร์ อายุ 58 ปี บิดาของ ด.ช.ปัญญา น้อยอินทร์ (น้องโบ๊ท) ที่เข้าป่าไปพร้อมกับญาติรวม 4 คน เปิดเผยว่า รู้สึกแย่สุดๆ เรื่องแบบนี้ใครไม่เจอไม่รู้ ตนและภรรยาติดตามการค้นหามาที่กองอำนวยการทุกวัน ถ้าได้รับแจ้งเบาะแสลงมาก็จะดีใจบ้าง ส่วนภรรยาได้แต่ภาวนาให้พบตัวลูก

“ลูกไม่เคยขึ้นไปบนเขา น้าเขาเพิ่งชวนไปครั้งแรก ก็ไม่มีสิ่งบอกเหตุใดๆ ก่อนวันขึ้นเขาไป ลูกไม่ชอบถางหญ้า บ่นเหนื่อย จึงให้กลับไปบ้านเพื่อพักผ่อน แต่สักพักน้าก็ชวนขึ้นเขาไปเก็บเห็ด ลูกก็ไม่เคย จึงลองไปกับน้า ทั้งๆ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นอย่างไร ลูกเพิ่งเรียนอยู่ประถม 2 เตรียมขึ้นประถม 3 ลูกเป็นคนรักกีฬา เป็นคนแข็งแรง คิดว่าลูกน่าจะเอาตัวรอดได้ เชื่อว่าร่างกายแข็งแกร่งกว่าพวกน้าๆ เพียงแต่ไม่มีประสบการณ์บุกป่าเท่านั้น”


แม่ของ ด.ช.ปัญญากล่าวว่า หมอดูเชื่อว่าทั้ง 4 คนที่สูญหายไปยังมีชีวิตอยู่ แต่ทำผิดป่า ส่งผลให้เจ้าป่าเจ้าเขาบังตาอยู่ ทำให้เจ้าหน้าที่หรือทีมค้นหาไม่เจอ เขาอยู่แถวๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างถ้ำอภัย ถ้าให้ญาติผู้เสียหายไปบอกกล่าว และหากพบตัวแล้วจะต้องแก้บนด้วยการเลี้ยงอาหารคาวหวานให้ด้วย

ขณะที่นายจักรกฤษณ์ พิกุลเงิน เจ้าหน้าที่กู้ภัยบูรพา หนึ่งในทีมค้นหา กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนได้เดินสำรวจค้นหาบริเวณถ้ำค้างคาวบุยายดวล ปรากฏว่าได้ยินเสียงผู้ชายตะโกนออกมาว่าขอความช่วยเหลือด้วย ตนจึงถามนายพราน และควานหาตามเสียง แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่สำรวจถ้ำลึกประมาณ 5 เมตรแล้วก็ไม่พบใคร จึงเชื่อว่าดินแดนแห่งนี้มีสิ่งอาถรรพ์ลี้ลับ
กำลังโหลดความคิดเห็น