มหาสารคาม - ชุดลาดตระเวนสถานการณ์ฉุกเฉินมหาสารคามรวบ 2 หนุ่มชาวไทยและรัสเซียขับกระบะขนกัญชาอัดแท่งจาก จ.นครพนมกว่า 296 แท่ง ทั้งฝ่าฝืนช่วงเคอร์ฟิว รับสารภาพมีผู้ร่วมขบวนการ 3 คนที่เพิ่งรู้จักกัน อีกคนหลบหนีไปได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนออกตรวจปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน อ.เมืองมหาสารคาม นำโดย ร.ต.อ.จักรกฤษณ์ นระทัด รอง สวป.สภ.เมืองมหาสารคาม พร้อมด้วยนายณัฐการ สุรมณี ปลัดอำเภอเมืองมหาสารคาม เจ้าหน้าที่สายตรวจ สารวัตรกำนัน และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ต.ท่าสองคอน ออกลาดตระเวนรักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อป้องกันเหตุร้ายให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ในช่วงการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
เมื่อมาถึงบริเวณหน้าศูนย์ฮอนด้า ต.ท่าสองคอน อ.เมือง จ.มหาสารคาม เจ้าหน้าที่ได้พบรถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีขาว หมายเลขทะเบียน กฉ 4982 พิจิตร จอดอยู่บริเวณข้างทาง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว พบชายไทยและชายชาวต่างชาติอยู่ในรถ ทั้งคู่มีท่าทางพิรุธ จึงได้ทำการตรวจสอบรถคันดังกล่าว พบว่าบริเวณกระบะหลังมีกล่องพลาสติกสีฟ้าหลายใบ โดยทุกใบมีนอตล็อกเอาไว้แน่นหนาเป็นที่น่าสงสัย ตรวจสอบพบว่าภายในมีกัญชาอัดแท่งบรรจุอยู่ จึงนำตัวมาสอบสวนต่อที่ สภ.เมืองมหาสารคาม
ผู้ต้องหาทั้งสองรายทราบชื่อภายหลังคือ นายกฤษดา ศรีทอง อายุ 27 ปี ชาวบ้าน ต.ไผ่ท่าโพ อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร และ Mr. TARTYKOV KIRIL (ทาร์ทีคอฟ คิริล) อายุ 29 ปี สัญชาติรัสเซีย พร้อมด้วยของกลางกัญชาอัดแท่งจำนวน 296 แท่ง ขณะเดียวกันผลตรวจปัสสาวะทั้งคู่พบว่ามีสารเสพติด
พ.ต.ท.วุฒิ ศรีวิลัย รองผู้กำกับการสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองมหาสารคาม กล่าวว่า เบื้องต้นจากการสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 2 รายทราบว่าเดินทางมาจากจังหวัดพิจิตร มาด้วยกัน 3 คน เพื่อไปที่ จ.นครพนม โดย 1 ใน 3 ได้ลงจากรถหายไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะลาดตระเวนมาพบ ซึ่งทั้งสามรู้จักกันไม่นานประมาณ 1 เดือน เนื่องจากนายทาร์ทีคอฟไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้เพราะติดสถานการณ์โควิด-19 ระบาด จึงต้องอยู่ในเมืองไทย ส่วนนายกฤษดาทราบว่าเป็นเชฟอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ก็ไม่สามารถกลับไปทำงานได้ มารู้จักกับชายคนที่หลบหนีไปได้ก่อนชักชวนกันมาที่ จ.นครพนม
เมื่อไปถึง จ.นครพนมได้ให้ผู้ต้องหาทั้งสองรายรออยู่ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง และชายที่เพิ่งรู้จักได้ขับรถกระบะออกมา พร้อมบรรทุกสิ่งของมาเต็มท้ายกระบะ ทั้งหมดตกลงกันว่าจะเดินทางกลับ จ.พิจิตร แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุจู่ๆ ชายคนที่หลบหนีไปได้นั้นได้ขอลงจากรถกระบะหายไปกับความมืด จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็มาพบ และถูกจับกุมในที่สุด
เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น โดยไม่รับการยกเว้นหรือมีเหตุผลจำเป็น และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวส่ง ร.ต.อ.สุรศักดิ์ ด่านแก้ว พนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนชายคนที่สามารถหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนและดำเนินการออกหมายจับในเร็วๆ นี้