พิษณุโลก - ผู้ว่าฯ ตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงเงินเบี้ยเลี้ยง อสม.คัดกรองไวรัสโควิด-19 คนในชุมชน หลังหลายฝ่ายเรียกร้องแจงเงิน 240 บาทต่อวัน แต่เบิกได้จริงแค่ 120 บาทต่อวันต่อคน บอก ปภ.กำลังขอยกเว้นระเบียบ-เบิกให้ตามจริง
นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “เรื่อง อสม. #มีข่าวดีครับตามที่กรม บช.กลางมีหนังสือลง 30 เม.ย. 63 แจ้งว่ากรม ปภ.ไม่สามารถเบิกเบี้ยเลี้ยงให้ อสม.ได้ กรม ปภ.จะขอยกเว้นระเบียบ #ให้ทำหลักฐานการเบิกจ่ายส่งไปเบิกที่ ปภ.ได้เลยครับ จะเบิก 120, 240 เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่ท่านได้ปฏิบัติหน้าที่ครับ..”
ซึ่งภายหลังได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและแชร์ต่อออกไปจำนวนมาก ว่าเจ้าหน้าที่ อสม.ที่ปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้จะได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาจริงหรือไม่
นายคณาธิป นาทิพย์ ประธาน อสม.เทศบาลนครพิษณุโลก เปิดเผยว่า หลังเกิดโรคระบาดโควิด-19 ตนก็มีส่วนเข้าไปทำงานประสาน-ประชุมร่วมกับผู้บริหารของเทศบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้รับนโยบายมา เช่น โรงพยาบาลพุทธชินราช เทศบาลนครพิษณุโลก
ในนามของประธาน อสม.ก่อนลงทำงานได้คุยกันถึงวิธีการลงทำงานของ อสม. และคำสั่งของผู้ว่าฯ-ที่ประชุมศูนย์ควบคุมโรคระบาด ได้สั่งการให้ อสม.ลงวัดอุณหภูมิให้แก่ประชาชนที่ผ่านไปผ่านมา หรือที่ด่านทุกด่านที่มีการตั้งด่าน ตนก็สอบถามเรื่องของค่าบริการหรือค่าทำงานของ อสม.มีหรือไม่มี ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบอกว่า..มี จะเบิกได้ถ้าลงด่าน จึงได้คนละไม่เกิน 8 ชั่วโมง ก็คือ 120 บาท ถ้าเบิก 12 ชั่วโมง 240 บาท
จากนั้นตนก็จัดเจ้าหน้าที่ อสม.ลงด่านทุกด่านตามคำสั่งของผู้ว่าฯ ผ่านเทศบาลและโรงพยาบาลพุทธชินราช ต่อมาได้มีคำสั่งให้ อสม.หยุดปฏิบัติงานลงด่าน เพราะมี อสม.เสียชีวิตที่อำเภอวังทอง ผู้ว่าฯ พิษณุโลกก็มีคำสั่งหรือมีนโยบายใหม่ คือ ให้วัดอุณหภูมิให้แก่พี่น้องประชาชนทุกหลังคาเรือนทุกคนเป็นจังหวัดนำร่อง โดยให้ อสม. 1 คนต่อ 100 หลังคาเรือน
ตนพยายามพูดคุยและปฏิเสธการทำงานของ อสม. ว่า 100 หลังคาเรือนต่อ 1 คนนั้นมันเป็นไปไม่ได้ เพราะ อสม. 1 คนไปทำงาน 100 หลังคาเรือนมันหนักเกินไป หลายคนหลายท่านเป็นคนที่มีอายุมากเกิน 60 ปี และมีโรคประจำตัวเยอะ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเป็นคำสั่งของผู้ว่าฯ ตนก็ต้องคัด อสม.ที่มีร่างกายแข็งแรงและอายุไม่มากเข้าดำเนินการ
“ผมพยายามปฏิเสธการทำงานครั้งนี้ แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นคำสั่งผู้ว่าฯ ผมก็ต้องจัด อสม.ลงให้ ซึ่งประชากรในเขตเทศบาลนครพิษณุโลกมีประมาณ 36,000 กว่าครัวเรือน ทางทะเบียนราษฎรของเทศบาลนครพิษณุโลกบอกว่าประชากรที่อยู่จริงๆ ประมาณ 25,000 ครัวเรือน และแบ่งเป็นชุมชน 64 ชุมชน ดังนั้นผมก็เลยต้องสอบถามต่อว่าทำงานครั้งนี้มีค่าอะไรให้ อสม.หรือเปล่า เจ้าหน้าที่บอกว่าเบิกเบี้ยเลี้ยงหรือค่าเดินทางให้ได้วันละ 240 บาท ทำเรื่องเบิกเงินจริง จำนวน 220 คน คือ 1 คนต่อ 100 หลังคาเรือน”
หลังจากนั้นจึงเริ่มทำงานตั้งแต่วันที่ 15 เพื่อจะเบิกให้ได้ 15 วัน พอครบ 15 วันให้ อสม. 220 คนเข้าไปเซ็นใบเบิกคือวันที่ 28 เม.ย. เพื่อเตรียมการเบิกเงิน พอวันที่ 30 เม.ย. เจ้าหน้าที่โทร.บอกว่า ปภ.บอกว่าเบิกไม่ได้ 240 บาท เบิกได้แค่ 120 บาทเท่านั้น
“มาวันนี้มีเฟซบุ๊กของผู้ว่าฯ โพสต์ขึ้นมาว่ามีข่าวดี อสม. ผมว่าคงไม่เป็นข่าวดีของ อสม.แน่ เพราะทุกคนเสียขวัญและกำลังใจไปหมดแล้ว และผมก็กลัวว่าจะไม่เป็นความจริงอีกครับ และจะรวมตัวกันไปทวงถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้ว่าฯ ต่อไปด้วย”
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีข้อสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก โดยมอบหมายให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงระดับจังหวัด กรณีค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงวัดอุณหภูมิ อสม. จำนวน 240 บาท โดยให้เป็นไปตามระเบียบวินัยทั้งด้านการเงิน โดยมีนายเกรียงวิชญ์ เตชวิทยไวทิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธาน ร่วมกับรักษาการนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ปลัดจังหวัดพิษณุโลก ผู้แทนสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เป็นต้น โดยให้คณะกรรมการระดับจังหวัดรวบรวมสรุปเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ภายใน 15 วัน