“โฆษก รบ.” เผยนายกฯชื่นชมบุคลากรทางการแพทย์-ปชช. ให้ความร่วมมือจนเหลือตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่าสิบ ระบุคำสั่งตั้ง 13 ผู้เชี่ยวชาญ มอบศึกษาผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ-สังคม สั่งทุกกระทรวงเร่งโครงการจ้างงานระดับท้องถิ่น บรรเทาความเดือดร้อนด้าน ศก.ให้แก่พี่น้องประชาชน
วันนี้ (2 พ.ค.) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้กล่าวชื่นชมบุคลากรทางการแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และความร่วมมือของพี่น้องประชาชนที่ปฏิบัติตามมาตรการต่างๆของ ศบค. จนทำให้มีตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เป็นตัวหลักเดียวได้ต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน จึงเป็นที่มาของการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ แต่ยังคงการบังคับใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) และขยายเคอร์ฟิว ออกไปอีก 1 เดือน นอกจากนี้ ยังได้ออกข้อกำหนดต่างๆ ซึ่งหลักการของการพิจารณาของ ศบค. พิจารณาจากผลกระทบด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ส่วนด้านสังคมและเศรษฐกิจ เป็นลำดับถัดมา
“แนวทางที่นายกรัฐมนตรีให้ ศบค.และหน่วยงานไปปฏิบัติ จะต้องมีมาตรฐานกลาง และออกมาเป็นแนวปฏิบัติ ซึ่งแนวปฏิบัติในจังหวัดต่างๆ ภายใต้อำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นมีความเข้มข้นมากกว่ามาตรฐานกลางได้ แต่น้อยกว่าไม่ได้” นางนฤมล ระบุ
นางนฤมล อธิบายเสริมด้วยว่า นายกรัฐมนตรีให้มีการควบคุมใน 3 ระดับ เริ่มจากระดับที่ 1 คือ มาตรฐานกลาง ระดับที่ 2 จะต้องมีการประเมินโดยการสุ่มตรวจว่า ปฏิบัติไปตามที่กำหนดหรือไม่ และระดับที่ 3 การควบคุมระดับพื้นที่ที่ต้องกำหนดแนวปฏิบัติให้ชัดเจน เพื่อให้ประชาชน และผู้ประกอบการปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียังแสดงความเป็นห่วง ต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นทางเศรษฐกิจและสังคม จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญอีก 13 คน จากทุกภาคส่วนเพื่อศึกษาผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที ถูกต้องตามหลักวิชาการ และเป็นการเสริมการทำงานของคณะกรรมการเงินกู้ทั้ง 3 ฉบับ
“ท่านนายกฯยังได้ย้ำกับปลัดกระทรวงทุกกระทรวง ให้ดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม หากมีโครงการใดที่สามารถทำให้เกิดการจ้างงานในระดับท้องถิ่นก็ขอให้เร่งดำเนินการ หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือ สามารถเสนอแนะเข้ามาผ่านทางท้องถิ่นหรือช่องทางอื่นๆก็ได้ เพื่อที่จะวางมาตรการออกมาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนต่อไป” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.