ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ร้านตัดผมเชียงใหม่กลับมาเปิดวันแรก พร้อมมาตรการเข้มทุกขั้นตอนป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ช่างเผยลูกค้าใช้บริการคึกคักเพราะอั้นมานาน แต่รับเฉพาะจองคิว ครวญปิด 2 เดือนเดือดร้อนหนักขาดรายได้แต่ไม่ได้รับเกณฑ์เยียวยา
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (3 พ.ค. 63) ร้านตัดผมในจังหวัดเชียงใหม่กลับมาเปิดบริการอีกครั้งเป็นวันแรกหลังจากที่ต้องปิดให้บริการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. 63 ตามประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ตาม การกลับมาเปิดให้บริการของร้านตัดผมในครั้งนี้ต้องมีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่เชื้ออย่างเคร่งครัด ทั้งการให้ช่างตัดผมและลูกค้าต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยเสมอ, การต้องล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ, การเว้นระยะห่าง, การไม่ให้ลูกค้านั่งรอแออัดอยู่ในร้าน, การคัดกรองอาการของลูกค้า, การเพิ่มรอบความถี่ในการทำความสะอาด หรือการลดระยะเวลาตัดผมและการสัมผัสให้น้อยที่สุด เป็นต้น
ทั้งนี้ จากการสังเกตการณ์ที่ร้านตัดผม “เหลาหัว” บ้านถวาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าทางร้านได้มีการเตรียมพร้อมและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 อย่างเข้มงวดเคร่งครัด เริ่มตั้งแต่การใช้เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิคัดกรองลูกค้าที่มาใช้บริการตัดผม พร้อมทั้งจัดเจลแอลกอฮอล์ให้ล้างมือก่อนเข้าใช้บริการในร้าน ซึ่งทั้งช่างตัดผมและลูกค้าต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา โดยเฉพาะช่างตัดผมต้องสวมใส่เฟซชิลด์ด้วย ขณะที่ลูกค้าที่มาใช้บริการนั้น ต้องจองคิวและนัดหมายเวลาล่วงหน้าเท่านั้นแล้วมาใช้บริการตามเวลาที่นัดหมายเพื่อป้องกันการแออัดระหว่างรอ และมีเวลาให้ทางร้านทำความสะอาด รวมทั้งเปลี่ยนผ้าคลุมก่อนที่จะรับลูกค้ารายใหม่ นอกจากนี้ทางร้านยังมีการจดบันทึกข้อมูลลูกค้าเผื่อต้องติดต่อในกรณีที่จำเป็นด้วย
นายนพพร เชื้อประยูร หรือ “ช่างบุ๋ม” อายุ 38 ปี เจ้าของร้านตัดผม “เหลาหัว” เปิดเผยว่า วันแรกของการเปิดให้บริการหลังจากที่ต้องปิดไปเกือบ 2 เดือนเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มีลูกค้าต้องการใช้บริการจำนวนมาก ซึ่งทางร้านใช้วิธีรับลูกค้าด้วยการจองคิวและนัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น เพื่อบริหารจัดการไม่ให้ลูกค้าต้องมารอที่ร้านแล้วกลายเป็นการรวมตัวของกลุ่มคนหรือเกิดความแออัด แต่ละคิวจะใช้เวลาในการตัดผมประมาณ 30 นาที ขณะเดียวกันทางร้านมีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่เชื้ออย่างเคร่งครัดทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่ใช้เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิคัดกรองลูกค้าและจัดเจลแอลกอฮอล์ให้ล้างมือก่อนเข้าใช้บริการในร้าน ทั้งช่างตัดผมและลูกค้าต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา โดยเฉพาะช่างตัดผมต้องสวมใส่เฟซชิลด์ด้วย ซึ่งในส่วนของลูกค้าที่จะใช้บริการตัดผมนั้น แนะนำว่าไม่ควรใส่เจลหรือเซตผมมาก่อน เพราะจะทำให้ต้องเสียเวลาในการตัดผมมากว่าปกติ
สำหรับผลกระทบและความเดือดร้อนจากการต้องปิดร้านตัดผมไปนานเกือบ 2 เดือนนั้น นายนพพรเปิดเผยว่า เท่าที่ทราบร้านตัดผมทุกแห่งได้รับผลกระทบและเดือดร้อนกันหมดจากการต้องขาดรายได้เลี้ยงครอบครัวและจ่ายหนี้สิน เพราะส่วนใหญ่ทำเป็นอาชีพหลัก เมื่อต้องปิดร้านไปและไม่มีรายได้ก็ต้องอาศัยเงินเก็บมาใช้จ่ายแก้ขัดไปก่อน แต่หากไม่มีก็ต้องไปหาหยิบยืมคนอื่น ส่วนการจะหันไปทำอาชีพอื่นเพื่อหารายได้ชดเชยก็ไม่ง่ายเพราะติดปัญหาอุปสรรคจากสถานการณ์โควิด-19 เช่นกัน ขณะที่เมื่อรัฐบาลมีมาตรการเยียวยา 5,000 บาทก็ปรากฏว่าเจ้าของร้านตัดผมส่วนใหญ่รวมทั้งตนไม่เข้าเกณฑ์ได้รับความช่วยเหลืออีก จึงทำได้เพียงช่วยเหลือตัวเองเท่าที่ทำได้ ซึ่งโชคดีที่ทางเจ้าของสถานที่ที่เช่าเปิดร้านให้ความช่วยเหลือด้วยการเก็บค่าเช่าในช่วงที่ปิดเพียงบางส่วนเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากเป็นไปได้อยากให้รัฐบาลมีการทบทวนและพิจารณาให้ความช่วยเหลือเช่นกัน