บุรีรัมย์ - ทำกันได้ ชายวัย 47 ชาวบุรีรัมย์ เจาะคอนอนรักษาโรคไตที่ รพ.ไปไหนไม่ได้ วานญาติผู้ป่วยเตียงข้างกันช่วยนำบัตรเอทีเอ็มไปกดเช็กเงินเยียวยา 5 พัน แต่กลับมาบอกว่ามีเงินโอนเข้าแค่ 2 พัน จึงแปลกใจให้น้องสาวเอาสมุดไปปรับ พบมีเงินโอนเข้า 5 พัน หายไป 3 พัน เชื่อญาติเตียงข้างแอบถอน แจ้ง ตร.ตามตัวดำเนินคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสุทาทิพย์ แก้วนะทะ อายุ 44 ปี ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.มานพ รอยประโคน รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ว่ามีชายคนหนึ่งอายุประมาณ 30 ปี ซึ่งเป็นญาติที่มาเฝ้าไข้ผู้ป่วยในโรงพยาบาลนางรอง ได้แอบกดถอนเงินเยียวยา 5,000 บาท ของนายณรงค์ศักดิ์ คล้ายกระแส อายุ 47 ปี พี่ชาย ขณะมานอนรักษาอาการป่วยโรคไตอยู่ที่โรงพยาบาลเดียวกันหายไป 3,000 บาท หลังจากได้รับแจ้ง ร.ต.อ.บัญดิษ อาจล้อม รอง สวป.สภ.นางรอง ได้เดินทางไปสอบถามข้อมูลกับนายณรงค์ศักดิ์ ผู้เสียหายที่โรงพยาบาล
จากการสอบถาม นายณรงค์ศักดิ์เล่าให้ฟังว่า ได้เดินทางมารักษาอาการป่วยโรคไตที่โรงพยาบาลนางรอง ตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา หมอได้เจาะคอเพื่อทำการรักษา จากนั้นนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยตลอดไปไหนมาไหนไม่ได้ ต่อมาวันที่ 18 เม.ย.มีลุงคนหนึ่งมานอนรักษาด้วยอาการถุงลมโป่งพองอยู่เตียงติดกัน ด้วยความที่ต้องนอนรักษาอยู่โรงพยาบาลหลายวัน มีการพูดคุยถามไถ่ทั้งกับผู้ป่วยและญาติที่มาเยี่ยมไข้ กระทั่งพูดคุยกันถูกคอกับลูกเขยที่มาเฝ้าไข้ลุงเตียงข้างกัน
จากนั้นวันที่ 22 เม.ย. ได้รับข้อความเข้ามาในมือถือว่าได้รับเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากพิษโควิดแล้ว 5,000 บาท จึงอยากรู้ว่ามีเงินโอนเข้ามาจริงหรือไม่ จึงได้วานให้ลูกเขยของลุงที่ป่วยอยู่เตียงติดกัน ช่วยนำบัตร เอทีเอ็มไปกดเช็กเงินที่ตู้ให้หน่อย เพราะอยากรู้ว่ามีเงินเข้าตามที่ได้รับแจ้งทางข้อความจริงหรือไม่ แต่พอลูกเขยของผู้ป่วยข้างเตียงคนดังกล่าวกลับมา บอกว่ามีเงินในบัญชีแค่ 2,000 บาท รู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงได้แค่ 2,000 บาท แต่ยังไม่อยากจะปักปรำใคร แต่อดสงสัยไม่ได้ว่าน่าจะถูกแอบถอนเงินออก เพราะช่วงที่อยู่ รพ.ไม่เคยให้บัตรเอทีเอ็มใครไป ยกเว้นลูกเขยของลุงที่อยู่เตียงติดกัน
กระทั่งน้องสาวมาเยี่ยมจึงบอกให้น้องนำสมุดบัญชีไปปรับเช็กยอดที่ธนาคาร พบว่ามีเงินโอนเข้าจริง 5,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. และถูกถอนออกเมื่อวันที่ 22 เม.ย.จำนวน 3,000 บาท ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่วานให้ลูกเขยผู้ป่วยเตียงติดกันไปกดเช็กยอดเงินให้ จึงทำให้มั่นใจว่าถูกแอบถอนเงินแน่นอน แต่ลุงคนดังกล่าวได้ออกจากโรงพยาบาลไปแล้วตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย. จึงได้มอบหมายให้น้องสาวเป็นคนไปแจ้งความที่ สภ.นางรองแทน
โดย น.ส.สุทาทิพย์ น้องสาวผู้เสียหาย ได้ฝากถึงคนที่แอบกดถอนเงินพี่ชายที่นอนป่วยอยู่โรงพยาบาลไปว่า หากสำนึกได้นำเงินกลับมาคืนพี่ชายก็จะไม่เอาเรื่อง แต่หากไม่นำมาคืนก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะที่ น.ส.เพชรรัตน์ ภูมาศ นายอำเภอนางรอง และ พ.ต.อ.ภควัติ ธรรมดี ผกก.สภ.นางรอง หลังได้รับแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวผู้ที่แอบกดเงินไป มาสอบสวนและดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เพราะถือเป็นการซ้ำเติมคนที่เดือดร้อนจากพิษโควิด และต้องมาเจ็บป่วยอีก