บุรีรัมย์ - คืบหน้าพ่อตาไม่เชื่อลูกเขยแอบกดถอนเงินเยียวยา 5,000 บาทของหนุ่มป่วยโรคไตนอนรักษาที่ รพ.ตามที่ถูกกล่าวหา ชี้ไม่เดือดร้อนเงินทองมีงานมั่นคงและเป็นคนดี พ้อหวังดีกลับถูกปรักปรำ ลูกเขยบอกกลับจากส่งของ ตจว.จะเข้าพบตำรวจ
วันนี้ (28 เม.ย.) จากกรณีที่ นางสุทาทิพย์ แก้วนะทะ ชาว อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.มานพ รอยประโคน รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ว่ามีชายคนหนึ่งอายุประมาณ 30 ปี ซึ่งเป็นญาติที่มาเฝ้าไข้ผู้ป่วยในโรงพยาบาลนางรอง ได้กดถอนเงินเยียวยา 5,000 บาทของนายณรงค์ศักดิ์ คล้ายกระแส พี่ชาย ที่วานไปช่วยกดเช็กยอดเงินให้ขณะมานอนรักษาอาการป่วยโรคไตอยู่ที่โรงพยาบาลเดียวกันหายไป 3,000 บาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด นายจักร์กฤษ ร่วมกูล ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านหนองโพธิ์ ต.ชุมแสง อ.นางรอง ซึ่งเป็นบ้านของครอบครัวคนที่ถูกกล่าวหาว่านำบัตรเอทีเอ็มของนายณรงค์ศักดิ์ ผู้ป่วยโรคไตไปกดเช็กยอดเงินเยียวยา 5,000 บาท ตามมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบพิษโควิด-19 จำนวน 5,000 บาทของรัฐ แต่พบว่ามีเงินในบัญชีเพียง 2,000 บาท จึงเชื่อว่าน่าจะมีการถอนเงินออกจากบัญชี แต่ไม่พบตัวของนายสมปอง (ขอสงวนนามสกุล) ลูกเขยของบ้านหลังดังกล่าวซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา เนื่องจากไปขับรถส่งของที่ต่างจังหวัดอีกประมาณ 1-2 วันจะเดินทางกลับมา แล้วจึงจะเดินทางเข้าไปพบพนักงานสอบสวน สภ.นางรองเพื่อให้ข้อมูล และแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้กดถอนเงินไป
จากการสอบถามนายดาว (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี พ่อตาของนายสมปอง บอกว่า ช่วงที่ไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลลูกเขยจะไปคอยดูแลเฝ้าไข้ และซื้อของให้ตลอด ซึ่งวันเกิดเหตุลูกเขยออกไปซื้อของข้างนอก ผู้ป่วยที่อยู่เตียงติดกันได้ไหว้วานให้ลูกเขยช่วยนำบัตรเอทีเอ็มไปกดเช็กยอดเงินในบัญชีให้ โดยให้บัตรเอทีเอ็มไป 2 ใบ บอกว่าให้เช็กยอดเงินเยียวยา 5,000 บาท กับเงินสวัสดิการคนจนให้ พอลูกเขยกลับมาบอกว่าบัตรที่ให้เช็กยอดเงินเยียวยา 5,000 บาทมีเงินในบัญชี 2,000 บาท ซึ่งลูกเขยยังเล่าให้ตนฟังว่าทำไมมี 2,000 บาท
ส่วนที่ลูกเขยถูกกล่าวหาว่าน่าจะเป็นคนถอนเงินไป 3,000 บาทนั้นรู้สึกเสียใจทั้งที่หวังดีไปช่วยเช็กให้ แต่กลับมาถูกกล่าวหาว่าถอนเงินไป ยืนยันว่าครอบครัวตนไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินทอง ส่วนลูกเขยมีงานทำมั่นคง และเป็นคนใจบุญชอบทำบุญ เชื่อว่าลูกเขยไม่ได้กดถอนเงินของผู้ป่วยคนดังกล่าวอย่างแน่นอน และลูกเขยบอกว่าอีก 1-2 วันกลับจากส่งของจะไปพบตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
ทางด้าน พ.ต.ต.ศิวัฒน์ กังศรานนท์ สารวัตรสืบสวน สภ.นางรอง ได้นำข้อมูลติดต่อกับทางธนาคารเจ้าของบัญชีเพื่อตรวจสอบที่มาของบัญชีและตรวจสอบกล้องวงจรปิดว่าใครเป็นผู้นำบัตรของผู้เสียหายไปกดถอนเงินหรือไม่อย่างไร คาดว่าจะทราบข้อเท็จจริงเร็วๆ นี้