บุรีรัมย์ - ป้าป่วยโรคไตชาวบุรีรัมย์ไหว้ขอโทษหนุ่มเวรเปลที่กล่าวหาแอบกดเงินไป 5,000 บาท พร้อมเตรียมถอนแจ้งความ หลังธนาคารยอมรับระบบขัดข้องขณะกดเงินตู้เอทีเอ็มและโอนเงินคืนให้แล้ว ขณะเจ้าตัวยกโทษให้ไม่ติดใจ เชื่อทำดีได้ดี ด้านภรรยาหนุ่มเปลปล่อยโฮดีใจสามีพ้นมลทิน จี้ธนาคารแสดงความรับผิดชอบ
วันนี้ (25 เม.ย.) ความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.สุนันท์ หะพินรัมย์ อายุ 54 ปี ชาว ต.ศรีภูมิ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ว่าเจ้าหน้าที่เวรเปลโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งได้แอบกดเอาเงินที่ลูกสาวส่งมาให้หายไป 5,000 บาทเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังจากไปฟอกไตที่โรงพยาบาลเอกชนดังกล่าว แต่ป้าสุนันท์เดินไม่ได้ต้องนั่งรถเข็นคนพิการ ส่วนสามีก็ทำไม่เป็น จึงวานให้เจ้าหน้าที่เปลของโรงพยาบาลช่วยไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มที่ตั้งอยู่หน้าโรงพยาบาลให้
ล่าสุดวันนี้ทางธนาคารไทยพาณิชย์ได้ทำการตรวจสอบระบบตู้เอทีเอ็มของธนาคาร พบว่าระบบมีปัญหาขัดข้องในช่วงเวลาที่ลูกค้ากดเงินที่ตู้เอทีเอ็มทำให้ถูกตัดเงินในบัญชีอัตโนมัติ และทางธนาคารได้โอนเงินจำนวน 5,000 บาทคืนให้ป้าเรียบร้อยแล้ว
หลังทราบเรื่อง นายธนิต หรือต้น (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี หนุ่มพนักงานเปลที่ถูกกล่าวหา พร้อม น.ส.สุวลักษณ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ภรรยา ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ในโรงพยาบาลเดียวกัน ได้เดินทางไปยังบ้านของป้าสุนันท์ที่อำเภอกระสังเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ซึ่งป้าสุนันท์ยืนยันว่าทางธนาคารไทยพาณิชย์ได้ติดต่อแจ้งมาทางโทรศัพท์ว่าเงินที่หายไป 5,000 บาทเกิดจากระบบของตู้เอทีเอ็มขัดข้องจริง และทางธนาคารได้โอนเงินเข้าบัญชีคืนให้เรียบร้อยแล้ว
ป้าสุนันท์ พร้อมสามีได้ยกมือไหว้ขอโทษนายธนิต หนุ่มพนักงานเปล ที่เข้าใจผิดว่าเป็นคนกดถอนเงิน 5,000 บาทไป เพราะนายธนิตเป็นคนสุดท้ายที่ไปกดให้ และหากได้รับเอกสารยืนยันจากธนาคารแล้วก็จะนำไปประกอบหลักฐานในการถอนแจ้งความที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ทั้งนี้ ป้าสุนันท์ยังขอบคุณและชื่นชมนายธนิต พนักงานเปล ที่คอยดูแลช่วยเหลือเวลาไปฟอกไตที่โรงพยาบาล ทั้งยังมีน้ำใจไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มให้ ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาจะกล่าวหาให้เสียหาย
ด้าน นายธนิต หรือต้น หนุ่มพนักงานเปล บอกว่า หลังข้อเท็จจริงปรากฏแล้วว่ากรณีที่เกิดขึ้นเกิดจากระบบตู้เทีเอ็มขัดข้องก็รู้สึกดีใจที่พ้นมลทินและได้ความบริสุทธิ์คืน จากที่ก่อนหน้าถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเครียดที่ถูกกล่าวหาทั้งยังถูกสังคมประณามให้เสียหาย แต่พอความจริงปรากฏและป้าขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นตนก็ยกโทษให้ไม่ได้ติดใจอะไร และยืนยันว่าจะยังคงทำความดีและให้บริการผู้ป่วยแบบนี้ต่อไปเพราะยังเชื่อมั่นว่าทำดีต้องได้ดี
ขณะที่ น.ส.สุวลักษณ์ ภรรยาของหนุ่มพนักงานเปล ถึงกับร้องไห้โผเข้ากอดเพื่อนร่วมงานด้วยความดีใจที่สามีพ้นมลทินและข้อกล่าวหา จากที่ก่อนหน้านี้กินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเครียดมาก แต่เชื่อว่าความดีย่อมทำให้ผ่านพ้นปัญหาอุปสรรคต่างๆ ไปได้ และยืนยันว่าตนและสามีจะยังทำความดีช่วยเหลือคนอื่นโดยเฉพาะผู้ป่วยที่มาใช้บริการที่โรงพยาบาลแบบนี้ต่อไป ถึงแม้จะถูกสังคมมีเดียประณามกล่าวหารุนแรงจนไม่กล้าอ่านคอมเมนต์เลย แต่ขอบคุณเพื่อนร่วมงานและโซเซียลฯ หลายคนที่เข้ามาให้กำลังใจ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอยากเรียกร้องให้ทางธนาคารออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วย