เชียงราย - คนไทยตกค้างในพม่าทยอยข้ามฝั่งกลับ..ล่าสุดผู้ว่าฯ ท่าขี้เหล็กนำส่งข้ามสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 เข้ากักตัวเชียงรายแล้ว ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินฯ ไม่ฟันธงผู้ป่วยโควิดเชียงรายคนแรกติดเชื้อซ้ำ หลังไข้ขึ้นต้องเข้า รพ.อีกรอบ
วันนี้ (20 เม.ย.) นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เชียงราย สาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับตัวคนไทยที่ตกค้างในพม่า ที่ลงทะเบียนเดินทางกลับประเทศผ่านด่านชายแดนแม่สาย สะพานมิตรภาพไทย-พม่า ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 โดยมีนายอูมิ้น ไหน่ ผู้ว่าการ จ.ท่าขี้เหล็ก ได้นำคณะเจ้าหน้าที่ของพม่าเดินทางมาส่งด้วย
นายประจญ และเจ้าหน้าที่ไทยให้การต้อนรับ รวมทั้งสอบถามสารทุกข์สุกดิบในการรับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระหว่างกัน หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้มีการปิดด่านพรมแดนติดต่อกันตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมาและคงเหลือเพียงจุดเพื่อขนถ่ายสินค้าตรงสะพานแห่งนี้เพียงจุดเดียว
สำหรับคนไทยที่ได้ลงทะเบียนกลับผ่านทางด่านชายแดนแม่สายวันนี้มีจำนวน 9 คน แต่เดินทางเข้ามาตามกำหนดเวลาเพียง 8 คน เป็นชาย 3 คน และหญิง 5 คน ซึ่งทั้งหมดได้รับการตรวจสัมภาระ ร่างกาย และฆ่าเชื้อโรคเบื้องต้น ก่อนทำพิธีการเข้าเมืองและถูกนำตัวไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งในเขต อ.เมืองเชียงราย เพื่อกักตัวดูอาการเป็นเวลา 14 วัน และในวันที่ 24 เม.ย.ยังจะมีคนไทยที่ลงทะเบียนเอาไว้จะเดินทางกลับมาอีกจำนวน 4 ราย
ขณะเดียวกัน พบว่าได้มีแรงงานชาวพม่าจำนวน 60 คนที่ตกค้างอยู่ในฝั่งไทยขอเดินทางกลับประเทศด้วย ซึ่งทางการไทยและพม่าตกลงจะให้เดินทางกลับ จ.ท่าขี้เหล็กในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน
ด้านชายแดนไทย-สปป.ลาว อ.เชียงของ พบว่ามีผู้ลงทะเบียนขอกลับประเทศไทยเพียง 2 ราย และเดิมได้ทำเรื่องขอเดินทางกลับในวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่เอกสารไม่พร้อมจึงขอเลื่อนเดินทางกลับในวันที่ 21 เม.ย.ที่จะถึงนี้แทน
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเชียงราย ที่ผู้ป่วยทั้ง 9 รายได้รับการรักษาจนหายหมดแล้ว แต่ 1 ใน 9 ซึ่งเป็นผู้ป่วยรายแรก เป็นชายอายุ 35 ปี กลับมีไข้เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา จนมีกระแสข่าวแพร่สะพัดว่าติดเชื้อโควิดซ้ำนั้น
ล่าสุดทางศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขฯ จ.เชียงราย ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่าผู้ป่วยดังกล่าวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์เมื่อวันที่ 20 มี.ค.จนจบสิ้นกระบวนการรักษาตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข และได้อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อ 6 เม.ย.ที่ผ่านมาด้วยสภาพร่างกายปกติ ไม่มีไข้ หรืออาการทางระบบทางเดินหายใจ โดยให้ผู้ป่วยได้กักตัวเองที่บ้านและสวมหน้ากากอนามัยรวมทั้งแยกตัวจากครอบครัวและชุมชนต่อเนื่องอีกจนครบ 14 วัน แต่ยังคงให้ติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ต่อมาผู้ป่วยมีอาการไข้และไอ จึงถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง
สำหรับผลการตรวจประเมินโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เบื้องต้นพบว่าผู้ป่วยมีอาการเข้าได้กับโรคปอดอักเสบ แต่เชื้อก่อโรคปอดอักเสบมีความเป็นไปได้จากทั้งเชื้อไวรัสอื่นๆ และแบคทีเรีย ดังนั้นจึงต้องส่งตรวจพิเศษอย่างละเอียดเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ทีมแพทย์ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยยังคงเฝ้าระวังอาการและติดตามการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ซ้ำอีกรอบ จึงให้ผู้ป่วยนอนรักษาตัวในห้องแยกโรคของโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ โดยมีการให้ยารักษาตามอาการ กระทั่งขณะนี้พบว่าผู้ป่วยไม่มีไข้ แต่มีอาการไอเล็กน้อย สามารถเดินและช่วยเหลือตัวเองได้ตามปกติ