ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประชุมด่วนติดตามแก้ปัญหาไฟป่าเชียงใหม่ ระบุไฟป่าดอยสุเทพดับสนิท 100% แล้ว ระดม จนท.ทั่วประเทศช่วย 3,000 นาย ยันรัฐบาลให้ความสำคัญไม่แพ้โควิด-19
ค่ำวานนี้ (8 เม.ย. 63) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และคณะ เดินทางมายังศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามและรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ตามคำสั่งของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่สั่งการให้เร่งแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นควันในพื้นที่ภาคเหนือให้คลี่คลายโดยเร็ว
จากนั้นได้มอบอุปกรณ์ดับไฟป่าแก่องค์การบริหารส่วนตำบลช้างเผือก และอำเภอแม่แจ่ม เพื่อนำไปใช้ดับไฟป่า พร้อมกันนี้ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวของนายสิงห์ทน นวลักษณะกุล เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าสถานีควบคุมไฟป่าภูพิงค์ ที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอ เป็นเงิน 30,000 บาท และครอบครัวของนายไพโรจน์ ปัทมาถาวร เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าที่ได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติหน้าที่ เป็นเงิน 10,000 บาท
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกล่าวว่า ปัจจุบันจังหวัดเชียงใหม่สามารถควบคุมไม่ให้เกิดการเผาในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยได้ 100% แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี และตั้งแต่ที่ตนได้เดินทางมาตรวจติดตามเมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา ก็มีการนำกำลังเข้าไปตรวจสอบและให้เจ้าหน้าที่เข้าไปลาดตระเวนตามหมู่บ้านที่เป็นจุดเสี่ยง โดยมีทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงทรัพย์ฯ ไปสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนฯ ก็ทำให้จุดความร้อนลดลงไปพอสมควร
นอกจากนี้ ยังได้โยกย้ายกำลังจากภาคใต้ 3,000 นายมาช่วยดับไฟในจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือ แต่จนถึงวันนี้เจ้าหน้าที่ทำงานมากว่า 1 เดือนจนเริ่มอ่อนล้าทำให้ประสิทธิภาพถอยลงไป ซึ่งก็มีการพูดคุยกันว่าจะให้เจ้าหน้าที่ในส่วนของภาคกลาง และภาคตะวันตกเข้ามาสับเปลี่ยน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ชุดปัจจุบันได้พัก จึงได้หารือกันว่าจะโยกย้ายกำลังพลจากภาคกลาง และภาคตะวันตกขึ้นมาสับเปลี่ยนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ชุดปัจจุบันได้พักผ่อน ซึ่งการนำคนออกจากพื้นที่อื่นเข้ามาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อเสริมกำลังจะทำได้อย่างรวดเร็วมากน้อยแค่ไหนเพื่อให้การดับไฟป่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีตัวอย่างเช่นที่จังหวัดนครสวรรค์ ได้ใช้เวลา 48-72 ชั่วโมงในการดับไฟจนแล้วเสร็จ แต่ไฟป่าที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ แม้ดับแล้วแต่ยังมีการเผา หรือปะทุซ้ำอีก จึงเป็นที่มาที่ต้องเน้นลาดตระเวนและทำความเข้าใจกับประชาชนที่อยู่ในเขตป่าสงวนและเขตป่าอนุรักษ์
อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณชาวเชียงใหม่ที่มีจิตศรัทธามอบสิ่งของให้เจ้าหน้าที่ ถือเป็นกำลังใจอย่างดี หากเป็นสถานการณ์ไฟป่าปกติ กระทรวงฯ มีความพร้อมเรื่องอุปกรณ์ แต่ปีนี้มีไฟป่าเกิดขึ้นรุนแรงและหนักหนากว่าทุกปี ทำให้กำลังพลที่ระดมเข้ามาช่วยดับไฟป่าอาจทำให้อุปกรณ์ไม่เพียงพอจึงได้เร่งจัดซื้อเพิ่มเติมแล้ว ขณะเดียวกันขอยืนยันว่านายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้ความสำคัญต่อปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ พอๆ กับเรื่องการแก้ปัญหาไวรัสโควิด-19 ขณะที่ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 9 เม.ย. 63 เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ และจะหาแนวทางในการสนธิกำลัง และการดึงเอาหน่วยงานใดมาทดแทนได้มากขึ้น