กาฬสินธุ์ - หนุ่มเมืองน้ำดำขี่ จยย.กลับบ้านถูกรวบคาด่านตรวจ ข้อหาฝ่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งถูกแจ้งข้อหาเพิ่มมียาเสพติดในความครอบครอง ด้านผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ย้ำผู้ถูกกักตัว 14 วันยังไม่ใช่ผู้ป่วย แต่มีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังเคร่งครัด ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงเดิม 3 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ในช่วงของการประกาศเคอร์ฟิว เวลา 22.00-04.00 น. พ.ต.ท.วัชรไกร ใหม่คามิ สว.สภ.ลำปาว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำปาว จ.กาฬสินธุ์ และฝ่ายปกครองทำการตั้งด่านตรวจแก้ไขปัญหาสถานการณ์ฉุกเฉินและการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ถนนสายกาฬสินธุ์-สหัสขันธ์ บริเวณหน้าโรงเรียนชุมชนหนองสอ ต.หนองสอ อ.เมือง พบชายหนุ่มทราบชื่อภายหลังคือ นายบริพัฒน์ นิยะรัตย์ อายุ 26 ปี ชาว ต.หนองสอ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ขับขี่รถจักรยานยนต์ตรงมายังที่ตั้งด่านตรวจ ท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจค้นพบยาบ้าห่อด้วยกระดาษฟอยล์จำนวน 1 เม็ดในกระเป๋ากางเกง
จากการสอบถามนายบริพัฒน์ยอมรับว่ายาบ้าเป็นของตนจริง ซื้อมาจากวัยรุ่นในพื้นที่ไว้เพื่อเสพ และก่อนที่จะขี่จักรยานยนต์มาที่ด่านก็เพิ่งกลับมาจากเสพยาบ้าจากบ้านเพื่อน เสพเสร็จแล้วก็เดินทางกลับบ้าน
เจ้าหน้าที่จึงตรวจปัสสาวะพบว่ามีสารเสพติด จึงควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย, เสพและเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ขณะมีสารเสพติด และออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 -04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น โดยไม่ได้รับการยกเว้นหรือมีเหตุจำเป็นอื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ ช่วงก่อนหัวค่ำ วันที่ 5 เม.ย. วันเดียวกัน เวลาประมาณ 16.00 น. นายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ นายแพทย์ อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ ร่วมกันแถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จ.กาฬสินธุ์ ประจำวันที่ 5 เมษายน 2563 โดยยังมีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ 3 คน ผู้ป่วยเข้าข่ายสอบสวนโรค สะสม 95 คน อยู่ระหว่างรอผลตรวจ 1 คน สำหรับอาการของผู้ป่วยติดเชื้อทั้ง 3 คนอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีอาการปอดอักเสบ ผู้ป่วยคนแรกได้รับยาต้านไวรัส และเฝ้าดูอาการครบแล้ว แต่ยังรอดูอาการให้แน่ใจก่อนให้กลับบ้าน
ส่วนผู้ที่เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลจนถึงขณะนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 16,305 คน ในจำนวนนี้กักตัว 14 วัน ครบแล้ว 1,439 คน
นายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับผู้ถูกกักตัว 14 วันยังไม่ใช่ผู้ป่วย แต่เป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากอาจเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยหรือเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ดังนั้น จึงต้องมีการเฝ้าระวังตัวเองอย่างเคร่งครัด แยกของใช้ส่วนตัว ที่นอน สำรับอาหารออกจากคนอื่น สวมหน้ากากอนามัย โดยหากไม่สามารถกักตัวเองที่บ้านได้ หน่วยงานในระดับอำเภอได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับการกักตัวไว้ให้ พร้อมอาหาร และของใช้ส่วนตัว เพื่อให้สามารถอยู่ได้อย่างปกติสุข
สำหรับผู้ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังคงมีการออกจากที่พักอาศัยในช่วงของการประกาศเคอร์ฟิว เวลา 22.00-04.00 น. หรือการเปิดจำหน่ายอาหารให้มานั่งรับประทานในร้าน ถือเป็นความผิด ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ หากพบเห็นผู้ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายสามารถแจ้งได้ที่สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 และ 191