MGR Online - โฆษก ตร.เผย เคอร์ฟิวคืนที่ 3 พบยังมีการฝ่าฝืนข้อกำหนด จับกุมดำเนินคดี 810 คน ฐานออกจากเคหสถานโดยไม่มีเหตุอันควร จับกลุ่มมั่วสุมดื่มสุรา-เล่นการพนัน ลั่นตำรวจเอาจริงบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด
วันนี้ (6 เม.ย.) พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภาพรวมสถานการณ์ในคืนที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นคืนที่ 3 หลังจากมีการประกาศเคอร์ฟิว ห้ามออกนอกเคหสถานในระหว่างเวลา 22.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ว่า ภาพรวมของคืนที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยในคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ทหาร สาธารณสุข และ อาสาสมัคร ได้สนธิกำลัง ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ชุดเคลื่อนที่เร็ว ทั่วประเทศ รวม 923 จุด ใช้กำลังพลรวม 17,755 คน เพิ่มขึ้นจากคืนที่ผ่านมา จำนวน 87 จุด มีการตรวจประชาชน จำนวน 26,675 คน ตรวจยานพาหนะ 16,841 คัน
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ออกนอกเคหสถานนั้น ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีเหตุผลและความจำเป็น โดยในเขตกรุงเทพมหานคร และ ปริมณฑล คือ ผู้ที่มีหน้าที่ขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ผู้ที่ขนส่งผลผลิตทางการเกษตร ผู้ที่มีหน้าที่เข้าออกเวรทำงานผลัดกลางคืน ตามลำดับ ในส่วนพื้นที่อื่นนั้น เป็นผู้ที่มีหน้าที่ขนส่งผลผลิตทางการเกษตร ผู้ขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค และ ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ ตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีประชาชนที่จงใจฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ออกนอกเคหสถาน โดยไม่มีเหตุผล จำนวน 1,057 คน และรวมกลุ่ม ชุมนุม หรือมั่วสุมในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ในเคหสถาน จำนวน 83 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมดำเนินคดี ทั้งหมด 810 ราย โดยส่วนใหญ่ยังคง เจตนาออกนอก เคหสถานโดยไม่มีเหตุอันสมควร เช่น อ้างว่าจะไปทำธุระแต่พอถูกสอบถามโดยละเอียด ไม่สามารถตอบคำถามได้ผู้ที่มาตั้งวงดื่มสุราในที่สาธารณะ ลักลอบเล่นการพนัน รวมกลุ่มขับขี่รถจักรยานยนต์ และเสพยาเสพติด
“ขณะนี้พ้นระยะเวลา 3 คืนของการประกาศเคอร์ฟิวแล้ว ต้องถือว่าหากยังมีการฝ่าฝืนอีกเจ้าหน้าที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ขอฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชน ได้โปรดปฏิบัติตามข้อกำหนด และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทั้งนี้เพื่อควบคุม ป้องกัน และลดการแพร่ระบาดของโรคให้ได้โดยเร็ว และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องในการสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องป้องกัน และลดการแพร่ระบาด โดยบังคับใช้กฎหมายและปราบปรามผู้ที่ก่ออาชญากรรมอันเป็นการเอารัดเอาเปรียบและซ้ำเติมประชาชนอย่างจริงจัง” โฆษก ตร.กล่าวและว่า ขณะนี้ศาลได้พิพากษาลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายแล้วทั่วประเทศ โดยมีอัตราโทษตั้งแต่จำคุก กักขัง และปรับ รวมถึงมีข้อกำหนดเพิ่มเติมเช่นห้ามออกนอกเคหสถาน เป็นเวลา 7 วัน เว้นมีเหตุจำเป็น จึงขอให้พี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือด้วย
โฆษก ตร. กล่าวถึงผลการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมายการจับกุมผู้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 เฉพาะในวันที่ 5 เม.ย. 2563 เพียงวันเดียว มีการจับกุมทั้งในเขตกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด จำนวน 8 คดี ผู้ต้องหา 9 คน ตรวจยึดของกลางหน้ากากอนามัย จำนวน 71,930 ชิ้น เจลแอลกฮอล์ จำนวน 7,280 ลิตร รวมผลการตรวจจับกุมตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 จนถึงปัจจุบัน จำนวน 306 คดี ของกลางหน้ากากอนามัย จำนวน 2,534,520 ชิ้น เจลแอลกฮอล์ 77,807 ลิตร รวมมูลค่าของกลาง กว่า 69 ล้านบาท
การจับกุมผู้ที่โพสต์หรือส่งต่อข่าวปลอมหรือเฟกนิวส์ สร้างความตื่นตระหนกให้แก่สังคม ที่เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 จนถึงวันที่ 5 เม.ย. 2563 มีจำนวน 23 คดี ผู้ต้องหา 29 คน การจับกุมดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับประกาศ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ จนถึงปัจจุบันมีการจับกุม จำนวน 29 คดี ผู้ต้องหา 141 คน
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบังคับการตำรวจทางหลวง ขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนโดยในช่วงนี้ขอให้หลีกเลี่ยงการเดินทางโดยไม่จำเป็น กรณีหากท่านมีความจำเป็นขอให้ศึกษาข้อมูล รวมถึงประกาศ คำสั่ง และข้อกำหนดของแต่ละจังหวัดก่อนเดินทาง เช่น ขณะนี้มีจังหวัด ห้ามประชาชนเดินทางเข้าออก ยกเว้นมีเหตุจำเป็น เช่น เชียงราย น่าน ตาก ตราด ภูเก็ต สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ซึ่งแต่ละจังหวัดก็มีข้อกำหนดที่แตกต่างกัน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ทั้งนี้ หากท่านต้องการสอบถามขัอมูล สามารถติดต่อได้ที่ โทรศัพท์สายด่วน 191 หรือ 1599 และ สายด่วนกองบังคับการตำรวจทางหลวง 1193