พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภาพรวมสถานการณ์หลังจากมีการประกาศข้อกำหนดเพิ่มเติม ห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ระหว่างเวลา 22.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น โดยภาพรวมการปฏิบัติในคืนวันที่ 4 ต่อเนื่องเข้าวันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับฝ่ายปกครอง ทหาร สาธารณสุข และอาสาสมัครต่างๆ มีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และชุดสายตรวจร่วมทั่วประเทศ รวมจำนวน 836 จุด ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 18,893 คน มีการตรวจค้นบุคคลทั้งหมด 19,312 คน ตรวจค้นยานพาหนะทั้งหมด 14,344 คัน ในจำนวนนี้พบว่าส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีเหตุผลและความจำเป็น คือ เป็นผู้ที่มีหน้าที่ในการขนส่งสินค้าอุปโภค/บริโภค ขนส่งสินค้าทางการเกษตร การเข้า-ออกเวรทำงานผลัดกลางคืน และผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้านการแพทย์ ตามลำดับ
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า โดยปกติเจ้าหน้าที่ตำรวจจะอะลุ่มอล่วยเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว แต่ยังคงมีประชาชนบางส่วนที่จงใจฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด เช่น ดื่มสุรา และขับขี่ยานพาหนะทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ออกมาตามท้องถนนโดยไม่มีจุดหมาย รวมตัวจับกลุ่มตั้งวงสุราหรือสรวลเสเฮฮาในที่สาธารณะ ลักลอบเล่นการพนัน หรือออกจากบ้านโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ เช่น อ้างว่าไปเยี่ยมเพื่อน หรืออ้างว่าไม่รู้ว่ามีเคอร์ฟิว โดยกลุ่มนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมดำเนินคดีทั้งหมด 308 ราย มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขอฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนได้โปรดปฏิบัติตามข้อกำหนด และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ เพื่อควบคุม ป้องกัน และลดการแพร่ระบาดของโรคให้ได้โดยเร็ว