น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศเคอร์ฟิวในช่วงเวลา 22.00-04.00 น. โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่คืนวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านด้วย ด้วยเห็นว่าแม้จะมีการประกาศบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) และเพิ่มมาตรการเข้มข้นเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส แต่ยังมีคนบางส่วนไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังและคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ดังจะเห็นจากจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ยังคงอยู่ในระดับที่สูง แม้จะลดลงบ้าง แต่ก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ด้วยเหตุนี้นายกรัฐมนตรีจึงต้องใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้นอีก โดยการประกาศเคอร์ฟิว ห้ามประชาชนออกจากเคหสถานตามเวลาที่กำหนด และจะมีการประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา พร้อมยกระดับความเข้มข้นอีกเมื่อจำเป็น
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การที่รัฐบาลไม่ใช้ยาแรงตั้งแต่ต้นเหมือนที่ประชาชนจำนวนไม่น้อยเรียกร้องนั้น เพราะเห็นว่าประชาชนอาจได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากการคาดการณ์ของกระทรวงสาธารณสุขและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ต่างเห็นว่าโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะยังแพร่เชื้อต่อไปอีกระยะหนึ่ง รัฐบาลจึงได้เน้นที่การป้องกันเฝ้าระวังด้วยมาตรฐานที่สูงกว่าระยะของการแพร่เชื้อ และดูแลผลกระทบที่เกิดกับประชาชนไปพร้อมๆ กัน ซึ่งถือเป็นแนวทางการบริหารจัดการอย่างสมดุล ตอบโจทย์ทั้งการป้องกันไวรัสและพยายามให้มีผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด
สิ่งสำคัญในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 คือความร่วมมือของประชาชน ซึ่งทุกคนต้องช่วยกันรักษาระยะห่างทางสังคม ตามแนวทาง Social Distancing เพราะก่อนหน้านี้ แม้นายกรัฐมนตรีจะประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ก็ยังพบกิจกรรมรวมกลุ่ม พบปะสังสรรค์ ซึ่งเป็นการเสี่ยงในการติดโรค ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนร่วมมือกันปฏิบัติตามคำสั่ง กฎระเบียบ และคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อเราจะผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกันโดยเร็ว