พระนครศรีอยุธยา - ผอ.พุทธศาสนา ลงพื้นที่เมืองกรุงเก่า เยี่ยมเยียนโรงทานของคณะสงฆ์ ตามพระดำริของ เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ช่วยเหลือผู้ประสบความทุกข์ยากลำบากในสถานการณ์โรคระบาด
วันนี้ (5 เม.ย.) ที่โรงทานช่วยเหลือผู้ประสบความทุกข์ยากลำบาก ในสถานการณ์โรคระบาด (COVID-19) วัดศาลาปูนวรวิหาร อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเยียนคณะสงฆ์ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังจากที่มีพระดำริของ เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จัดตั้งโรงทานช่วยเหลือผู้ประสบความทุกข์ยากลำบาก ในสถานการณ์โรคระบาด โดยมี พระครูอนุกูลศาสนกิจ เจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา เจ้าอาวาสวัดศาลาปูน พระครูเกษมจันทวิมล หรือพระอาจารย์แดง เจ้าอาวาสวัดป้อมรามัญ พร้อมคณะสงฆ์ และ ว่าที่ ร.ต.สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา เข้าร่วมในวันนี้
นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า หลังจากที่มีพระดำริของ เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ให้วัดที่มีศักยภาพจัดตั้งโรงทานช่วยเหลือผู้ประสบความทุกข์ยากลำบาก ในสถานการณ์โรคระบาด (COVID-19) ซึ่งเกิดจากพระองค์ท่านเป็นห่วงพุทธศาสนิกชนที่เป็นชาวพุทธศาสนาก็ดี แม้กระทั่งศาสนาอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ และมีความเดือดร้อน พระองค์ท่านมองว่า ครั้งหนึ่งคณะสงฆ์ประเทศไทยไม่เกิดวิกฤตการณ์ พุทธศาสนิกชนเหล่านี้ก็มาบำรุงพระพุทธศาสนา ดูแลพระสงฆ์ แต่ในขณะที่บ้านเมืองเกิดวิกฤต ทำอย่างไรคณะสงฆ์ตอบแทนความดีของพุทธศาสนิกชนที่ดูแลพระสงฆ์มาตลอด จึงมีพระดำริให้จัดตั้งโรงทาน
วัตถุประสงค์หลักๆ ไม่ได้จัดตั้งเฉพาะพระสงฆ์ที่เป็นเจ้าอาวาส ท่านมีพระประสงค์ให้สำนักพระพุทธศาสนาแจ้งไปยังเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ รวมทั้งท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้ามาร่วมกันจัดตั้งศูนย์ เพราะในศูนย์พระองค์ท่านบอกว่า น่าจะมีเรื่องของการให้ความรู้ เรื่องของการแจกหน้ากากอนามัย การทำอาหารที่ถูกหลักอนามัย จึงทำให้เกิดแนวคิดมีพระดำรินี้เกิดขึ้น ปัจจุบันเกิดศูนย์ที่ให้การช่วยเหลือ 178 ศูนย์แล้วในทั่วประเทศไทย ทำให้การช่วยเหลือเข้าสู่พี่น้องประชาชนได้ผลมาก
จากการรายงานไปที่สมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา เราได้ทำรายงานฉบับแรกไปถวายพระองค์ท่าน ให้เห็นถึงพระดำริที่พระองค์ท่านได้ดำริมาว่ามีความก้าวหน้า ได้มีการรายงานไปทั้งหมด 45 วัด ซึ่งวัดศาลาปูนวรวิหาร เป็น 1 ในวัดนั้น จากวันนี้ภาพประวัติศาสตร์ต่างๆ ที่คณะสงฆ์ได้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเป็นภาพที่หวนกลับมาในอดีตกาล ที่ทำให้มองเห็นว่าวัดเป็นศูนย์กลางของชุมชนอย่างแท้จริง พร้อมกับความประทับใจคณะสงฆ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ทำ ซึ่งเป็นการต่อยอดพระดำริออกไป คือ การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เป็นผู้ตกทุกข์ได้ยาก อยุธยาเป็นเมืองเก่าเมืองแก่ ในสมัยโบราณ ต้องขอบพระคุณทุกภาคส่วนที่ได้รวมพลังลงพื้นที่จริงๆ ได้มาแก้ไขปัญหาให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง อยากให้พี่น้องประชาชนตระหนักว่า เมื่อมีภัยไม่ว่าจะเป็นคนไทยที่อยู่ที่ไหนเราต้องร่วมมือร่วมใจกัน วันนี้เราไม่ต้องมองถึงอดีตหรือใดทั้งสิ้น เรามาร่วมมือร่วมใจฝ่าฟันวิกฤตเหล่านี้ให้ผ่านพ้นไปเราก็จะอยู่กันได้อย่างมีความสุข และเมื่อนั้นสิ่งต่างๆ ที่เคยเป็นเรื่องที่พ่อแม่พี่น้องหรือบรรพบุรุษสอนมา คือ ไทยรักสงบและมีความรักสามัคคี จะเกิดภาพที่ชัดเจนขึ้น