ศูนย์ข่าวศรีราชา - เมืองพัทยา ประกาศเล่นยาแรงลดสถิติป่วยโควิด-19 สูงเป็นอันดับ 2 ในชลบุรี ทั้งปิดทางเข้า-ออกหลายเส้นทาง ทำบัตรผ่านเมืองสำหรับผู้จำเป็น ปรับแพงต่างชาติไม่สวมหน้ากากอนามัย เชื่อแก้ปัญหาได้จริง พร้อมเสนอ คกก.โรคติดต่อจังหวัด เห็นชอบ
จากตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของจำนวนผูู้ป่วยโควิด-19 ใน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่ในวันนี้มียอดสะสมมากถึง 25 ราย แยกเป็นชาวต่างชาติ 14 ราย แบ่งเป็นชาวรัสเซีย 7 ราย และชาวไทย 11 ราย ส่งผลให้ อ.บางละมุง มีผู้ป่วยติดเชื้อสูงเป็นอันดับ 2 ของจังหวัด และยังพบว่า ผู้ป่วยรายล่าสุดเป็นชาวรัสเซีย ที่เดินทางไปใช้บริการที่สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาบางละมุง จนทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี ต้องมีคำสั่งให้ปิดสถานประกอบการโรงแรมทุกแห่งเป็นการชั่วคราว
รวมทั้งสั่งห้ามสถานบริการ ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า สนามมวย โรงมหรสพ และอื่นๆ เป็นการชั่วคราว รวมทั้งให้ล็อกดาวน์เมืองพัทยา ด้วยการปิดช่องทางเข้า-ออก จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงนั้น
วันนี้ (3 เม.ย.) นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ได้จัดประชุมร่วมภาคธุรกิจการท่องเที่ยว และหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ ณ ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อร่วมหารือเกี่ยวกับมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นการเร่งด่วน เนื่องจากมองว่าหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปอาจทำให้ปัญหาการแพร่ระบาดในเมืองพัทยา รุนแรงมากยิ่งขึ้น
โดยภาคธุรกิจได้เสนอให้มีการ “ล็อกดาวน์” พื้นที่อย่างจริงจัง และห้ามไม่ให้มีการเดินทางเข้า-ออกของทั้งคนในพื้นที่และคนจากภายนอกในทุกกรณี เพราะไม่ต้องการให้ผู้ติดเชื้อในพื้นที่นำเชื้อออกไปแพร่ระบาดสู่ภายนอก และป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกที่เป็นกลุ่มเสี่ยงนำเชื้อเข้ามาในพื้นที่ได้ นอกจากผู้ที่ได้รับอนุญาตจากรัฐหรือการขนส่งสินค้าจำเป็นตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 10 อย่างเท่านั้น
เช่น อุปกรณ์การแพทย์ อาหาร เป็นต้น ซึ่งหากดำเนินการได้ก็คาดว่าจะสามารถควบคุมโรคได้เป็นอย่างดี และขอให้ทุกภาคส่วนดำเนินการตามแบบของ จ.พิษณุโลก และภูเก็ต ที่ทำการปิดเมืองอย่างถาวร โดยเชื่อว่าสถานการณ์จะกลับมาสู่ภาวะปกติในไม่ช้าและยังสอดคล้องต่อประกาศภาวะ พ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาล
ทั้งนี้ ภาคธุรกิจ ยังเรียกร้องให้มีมาตรการจัดการกับนักท่องเที่ยวที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยและใช้เจลล้างมือ เนื่องจากผู้ติดเชื้อในพื้นที่เมืองพัทยาส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวแถบยุโรป ที่นำเชื้อมาแพร่สู่ผู้ใกล้ชิดหรือผู้สัมผัส โดยขอให้เมืองพัทยา เสนอมาตรการต่อคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี ให้ประกาศใช้กฎหมาย พ.ร.บ.สาธารณสุข ในการบังคับใช้และเปรียบเทียบปรับในอัตราสูงสุดรายละ 20,000 บาท ซึ่งนายกเมืองพัทยา จะได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมภาครัฐอีกครั้ง
เตรียมเสนอปิดทางเข้า-ออกหลายเส้นทาง
นอกจากนั้น นายกเมืองพัทยา ยังได้มอบหมายให้สถานประกอบการโรงแรมในพื้นที่แจ้งยอดและปริมาณของนักท่องเที่ยวที่ยังพำนักอยู่ในพื้นที่ภายในเวลา 3 วัน เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบและห้ามการเดินทางเข้า-ออกโดยเด็ดขาด
และยังจะได้ร่วมสนธิกำลังกับทุกหน่วยงาน ทั้งตำรวจ อาสาสมัคร สาธารณสุข ขนส่ง เทศกิจ กิจการพิเศษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งจุดสกัดเส้นทางเพื่อป้องกันการเดินทางเข้า-ออกทุกเส้นทางอย่างรัดกุม นอกเหนือจากคำสั่งการห้ามเปิดกิจการห้างร้านต่างๆ และประกาศเคอร์ฟิวในช่วงเวลา 22.00-04.00 น.ตามนโยบายของภาครัฐ
เบื้องต้นมีผลสรุปที่จะปิดเส้นทางบนถนนสุขุมวิท รวมถึงถนนสาย 7 ตอน 5 มอเตอร์เวย์ พร้อมให้มีการจัดตั้งจุดสกัดคัดกรองที่เข้มงวด 2 จุด ทั้งในพื้นที่ทั้ง 2 ฝั่งขาเข้าและออกหน้า สภ.บางละมุง และบริเวณแยกอัยการ เพื่อตรวจสอบการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยว ซึ่งหากเป็นบุคคลต่างพื้นที่จะไม่อนุญาตให้เดินทางเข้าสู่เมืองพัทยา
แต่หากเป็นผู้ใช้แรงงานที่ประกอบอาชีพในพื้นที่ จะมีการจัดทำบัตรเพื่อแสดงตัวจากนั้นจะทำการคัดกรองและปล่อยให้เข้าในพื้นที่ได้เฉพาะในช่วงเวลาทำการได้เท่านั้น
ส่วนถนนสายรอง อย่างถนนเลียบทางรถไฟ จะปิดเส้นทางทุกจุดที่มุ่งหน้าสู่ถนนสุขุมวิท ยกเว้นจุดที่ชุมชนพักอาศัยอยู่หนาแน่น ทั้งซอยชัยพรวิถี ซอยสยามคันทรีคลับ และซอยชัยพฤกษ์ เพื่อเปิดเส้นทางให้ประชาชนที่พำนักในเขตรอบนอกสามารถเข้ามาประกอบอาชีพในพื้นที่ได้
และทุกเส้นทางจำเป็นต้องผ่านจุดคัดกรองที่เข้มข้น และมีบัตรที่ออกให้โดยสำนักงานที่รับรองโดยภาครัฐ ซึ่งจะเปิดให้เข้าพื้นที่เขตเมืองพัทยาได้เฉพาะแยกเทพประสิทธิ์ และแยกพัทยากลางเท่านั้น
ทั้งนี้ จะมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่จากทุกภาคส่วนลงประจำจุดเพื่อป้องกัน เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมงจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง ทั้งนี้จะได้นำเสนอเพื่อขอรับความเห็นชอบต่อที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี ก่อนออกเป็นคำสั่งประกาศใช้อย่างเป็นทางการต่อไป