เชียงราย - กลุ่มแรงงานพม่าตกค้างยังคงทยอยเดินทางรอข้ามชายแดนแม่สายเป็นระยะ..บอกต้องรอเงินค่าจ้างเดือนมีนาฯ จนวันสุดท้ายถึงได้กลับ ขณะที่ทหารขึงลวดหนามกั้นริมน้ำสกัดคนลอบข้ามฝั่งซื้อของ
วันนี้ (1 เม.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า หน้าด่านพรมแดนตรงจุดผ่านแดนถาวรแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก สะพานมิตรภาพไทย-พม่า ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 อ.แม่สาย จ.เชียงราย ยังคงมีชาวพม่าที่ตกค้างอยู่ในประเทศไทยทยอยเดินทางไปรอข้ามฝั่งกลับบ้านเกิดอย่างต่อเนื่อง จากช่วงเช้าประมาณ 10 กว่าคน สายมาเพิ่มเป็นกว่า 30 คนแล้ว ส่วนใหญ่ระบุว่าสาเหตุที่เดินทางกลับช้าเพราะต้องรอรับเงินเดือนมีนาคมก่อน และคาดว่าจะมีเพื่อนแรงงานที่ต้องรอเงินเดือนทยอยเดินทางมาตลอดทั้งวันด้วย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แนะนำว่า อ.แม่สายจัดสถานที่เพื่อให้พักพิงชั่วคราวภายในศาลาวัดพระธาตุดอยเวา ใกล้กับด่านพรมแดน ซึ่งมีแรงานชาวพม่าไปพักพิงอยู่แล้ว 58 คน ขณะที่มีคนไทยหลายคนก็นำอาหารและน้ำแวะเวียนไปให้ รวมทั้งพูดคุยให้กำลังใจกลุ่มแรงงานดังกล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางการไทยจะประสานไปยัง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า เพื่อให้รับตัวแรงงานตกค้างเหล่านี้กลับประเทศเป็นครั้งๆ ไป เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างปิดพรมแดนทุกจุดเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยฝ่ายไทยประกาศปิดพรมแดนไปตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ยกเว้นด่านฯ สะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 ที่เปิดให้ขนส่งสินค้าระหว่างกันเพียงจุดเดียวเท่านั้น
ขณะเดียวกัน พบว่าบริเวณริมฝั่งลำน้ำสายที่เป็นเส้นเขตแดนทางทหารกองกำลังผาเมืองได้นำลวดหนามไปขึงเป็นรั้วจุดที่อาจจะมีการลักลอบข้ามฝั่งไปมาได้ เนื่องจากที่ผ่านมามีกระแสว่ามีชาวพม่าจำนวนหนึ่งได้พยายามข้ามฝั่งมาหาซื้อสินค้าที่จำเป็น โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคตามตลาดและร้านค้าสะดวกซื้อใน อ.แม่สาย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องขึงรั้วลวดหนามเอาไว้หลายจุดเพราะไม่สามารถอยู่เฝ้าในทุกจุดได้
ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุขหรืออีโอซีของสำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงราย แจ้งว่า ที่ผ่านมามีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคโควิด-19 แล้ว 129 ราย ตรวจไม่พบเชื้อ 120 ราย และพบติดเชื้อจำนวน 9 ราย โดยผู้ป่วยอยู่ในพื้นที่ อ.เทิง 2 ราย อ.แม่จัน 3 ราย อ.แม่สาย 3 ราย และ อ.เมืองเชียงราย 1 ราย ซึ่งจากประวัติพบว่าทั้งหมดติดเชื้อมาจากนอกพื้นที่โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และ จ.เชียงใหม่
จังหวัดเชียงรายยังมีผู้ที่เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มากถึงกว่า 4,057 คน และกลับจากต่างประเทศที่ต้องเฝ้าระวังจำนวน 802 คน ซึ่งจำนวนนี้มีผู้ที่ได้ติดตามเฝ้าระวังจนครบ 14 คนไปแล้วเป็นจำนวนมาก