ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เชียงใหม่ฝุ่นควันยังคลุมหนา ค่ามลพิษครองอันดับ 1 โลกต่อเนื่องแม้สถานการณ์ไฟไหม้ป่าดอยสุเทพคลี่คลาย ผู้ว่าฯ ขอบคุณทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจช่วยกันดับ เบื้องต้นพบเสียหาย 2,500 ไร่ เพิ่มมาตรการเข้มคุมคนเข้าออกป่า
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (31 มี.ค. 63) สภาพตัวเมืองเชียงใหม่ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นควันหนาทึบ แม้ว่าสถานการณ์ไฟไหม้ป่าดอยสุเทพจะคลี่คลายลงแล้ว โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจังหวัดเชียงใหม่จากสถานีตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษ ในตำบลช้างเผือก, ตำบลศรีภูมิ และตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง ณ เวลา 09.00 น. วันนี้อยู่ที่ 106 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 101 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ 80 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ เกินค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ส่วนค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) อยู่ที่ 216, 211 และ 175 ตามลำดับ เกินค่ามาตรฐาน 100
มีการแจ้งเตือนและข้อแนะนำประชาชนทั่วไปให้เลี่ยงการออกทำกิจกรรมกลางแจ้ง หากจำเป็นให้สวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน ส่วนกลุ่มเสี่ยงให้งดทำกิจกรรมนอกบ้าน
นอกจากเว็บไซต์ air visual ซึ่งรายงานคุณภาพอากาศจากทั่วโลกพบว่าคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ช่วงเที่ยงวันนี้รุนแรงเป็นอันดับ 1 ของโลก ดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 197 US AQI และค่า PM 2.5 วัดค่าได้ 144 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่แอปพลิเคชัน AirCMI ที่เป็นความร่วมมือของจังหวัดเชียงใหม่และหน่วยงานเกี่ยวข้อง รายงานผลการตรวจวัดค่า PM 2.5 ในตัวเมืองเชียงใหม่อยู่ที่ 102 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงเกินค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่ในอีกหลายอำเภอพบว่าค่า PM 2.5 อยู่ในระดับที่สูงเกินค่ามาตรฐานหลายเท่าตัว เช่น อำเภอแม่แตง 303 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, อำเภอเวียงแหง 375 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และโดยเฉพาะอย่างยิ่งอำเภอสะเมิงที่วัดค่าได้ 502 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สูงกว่าค่ามาตรฐาน 10 เท่าตัว
ด้านนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ขอขอบคุณทางภาคส่วน ทั้งกำลังทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่อุทยาน สนธิกำลังร่วมกับฝ่ายปกครอง อปท. ผู้นำชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่ ตลอดจนภาคประชาชนจิตอาสา ทั้งชมรมร่มบินอาสาเชียงใหม่ กลุ่มโดรนจิตอาสา และกลุ่มมอเตอร์ไซค์วิบาก ที่ได้ระดมกำลังมาเฝ้าระวังและป้องกันทั้งภาคพื้นที่ดินและทางอากาศ หลังสถานการณ์ไฟป่าในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยรุนแรงต่อเนื่องกันมากว่าสัปดาห์ จนสามารถควบคุมดับไฟป่าที่เกิดในพื้นที่ป่าติดกับตัวเมืองได้แล้ว
แต่ยังพบว่าจุดที่เกิดไฟป่านั้นยังมีควันคุกรุ่นออกมา ซึ่งได้นำเจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่เพื่อลาดตระเวนบริเวณพื้นที่ป่าโดยรอบวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ กว่า 100 นาย พร้อมทำแนวกันไฟไว้โดยรอบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟป่าลุกลามสร้างความเสียหายแก่พื้นที่บริเวณวัดหากเกิดไฟป่าปะทุขึ้นมาอีก ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้เพิ่มมาตรการควบคุมผู้ที่เดินทางเข้า-ออกพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้คนเข้าไปลักลอบจุดไฟเผาป่าซ้ำอีก จากการประเมินเบื้องต้นมีพื้นที่เสียหายจากไฟป่าแล้วประมาณ 2,500 ไร่
นอกจากนี้ จังหวัดเชียงใหม่ได้ขอรับการสนับสนุนอากาศยานจากกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมพร้อมปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันและไฟปา โดยจะมีการติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศระหว่างวันอย่างใกล้ชิดผ่านระบบฐานข้อมูลของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร และจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งติดตามการรายงานสภาพท้องฟ้าของเครือข่ายอาสาสมัครฝนหลวงบริเวณต่างๆ ในพื้นที่ภาคเหนือ
ทั้งนี้ พบว่าจากการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาในช่วงวันที่ 2-4 เมษายน 2563 พื้นที่ภาคเหนือโดยเฉพาะด้านตะวันออกและตอนล่างของภาคมีแนวโน้มการเกิดฝนได้ดีขึ้น ซึ่งทำให้โอกาสในการปฏิบัติการฝนหลวงของพื้นที่ภาคเหนือในช่วงเวลาดังกล่าวมีมากขึ้น โดยศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือจะติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด และจะขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือทันทีที่สภาพอากาศเหมาะสม