อุดรธานี - จ.อุดรธานีเอาจริงคุมเข้มโควิด-19 ประกาศฉบับที่ 8 กำหนดเวลาเปิด-ปิดร้านสะดวกซื้อที่เปิด 24 ชั่วโมงใหม่ เป็นเปิดตี 5 ปิด 4 ทุ่ม ปิดโรงรับจำนำของรัฐ หวังป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ล่าสุดพบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มรายที่ 7
วันนี้ (25 มี.ค. 63) ที่ห้องประชุมกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ชั้น 5 ศาลากลาง จ.อุดรธานี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี, นายธวัชชัย ศรีทอง รอง ผวจ.อุดรธานี, นพ.ปรเมษฐ์ กิ่งโก้ นายแพทย์สาธารณสุข จ.อุดรธานี ร่วมกันแถลงข่าวถึงความคืบหน้าสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี หลังจากที่พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวัน โดยวันนี้พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 อีก 1 ราย รวมมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 7 ราย
นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า วันนี้ จ.อุดรธานีมีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 แล้วรวม 7 ราย ซึ่งรายที่ 1-3 ติดเชื้อจากกรุงเทพฯ ส่วนรายที่ 4-6 ติดเชื้อจากสถานบันเทิงจากจังหวัดใกล้เคียง ส่วนรายที่ 7 ที่เพิ่งตรวจพบวันนี้เป็นคนอุดรธานีที่เดินทางไปทำธุรกิจในต่างประเทศ และกำลังอยู่ในระหว่างสอบสวนโรค ภาพรวมอาการของผู้ป่วยทั้งหมดมีอาการดีและอยู่ระหว่างขั้นตอนการรักษา
สำหรับจังหวัดอุดรธานียังไม่มีพื้นที่เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องเฝ้าระวัง ย้อนกลับไปถึงกลุ่มแรงงานไทยที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงผ่านไป 2 เดือนยังไม่มีคนป่วยที่มาจากคนกลุ่มเสี่ยงกลุ่มนี้ คนป่วย 7 รายที่ป่วยได้ติดเชื้อจากนอกพื้นที่ การแพร่ระบาดโอกาสแพร่กระจายแทบไม่มี ส่วนผู้ใกล้ชิดได้ตามมาตรวจ สรุปผู้ป่วย 7 รายไม่ได้ติดในพื้นที่อุดรธานี การสอบสวนโรค เมื่อพบว่าไปที่ไหนมาบ้าง ได้ให้ทีมสาธารณสุขเข้าจัดการทำความสะอาดพื้นที่นั้นไปแล้วตามไทม์ไลน์ที่ผู้ป่วยแจ้งมา
ล่าสุดมติคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอุดรธานีได้ออกประกาศมาตรการการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดอุดรธานี ฉบับที่ 8 โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอุดรธานีในการประชุมครั้งที่ 6 วันที่ 22 มีนาคม 2563 มีมติให้สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว คือปิดสถานที่ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีเป็นการชั่วคราว
ประกอบด้วย ร้านสะดวกซื้อที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง โดยให้เปิดจำหน่ายได้ในช่วงเวลา 05.00 น. ถึง 22.00 น. และให้ปิดโรงรับจำนำของรัฐบาลทุกแห่ง ผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พุทธศักราช 2558
