พิจิตร - ยืนยันพิจิตรยังปลอดผู้ป่วยโควิด-19 แต่ยังต้องเฝ้าระวังคนทะลักกลับบ้าน 12 เซียนมวย พระสงฆ์อีก 5 รูป เตรียมพร้อมปรับวิทยาลัยเทคนิคฯ-อุทยานบัวบึงสีไฟเป็น รพ.สนามหากป่วยพุ่ง
วันนี้ (23 มี.ค.) นายสิริรัฐ ชุมอุปการ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร, นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร, นายสุเทพ วงษ์พานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร, นายณรงค์ศักดิ์ หอมมาลัย ปลัดจังหวัดพิจิตร, นายแพทย์ ธีระพงษ์ แก้วภมร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยนายอำเภอจาก 12 อำเภอ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรวมแล้วกว่า 100 คน ได้ประชุมร่วมกันที่ห้องประชุมชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดพิจิตร เกี่ยวกับมาตรการในการเฝ้าระวังโรคระบาดไวรัสโควิด-19
ที่ประชุมได้หารือกันถึงชาวพิจิตรที่ไปทำงานในกรุงเทพฯ ทยอยเดินทางกลับบ้าน ซึ่งก็ได้สั่งให้ อสม. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เฝ้าติดตามและขอให้ควบคุมบริเวณอยู่ภายในบ้าน 14 วัน เช่นเดียวกับกลุ่มเซียนมวยที่ไปดูมวยในพื้นที่เสี่ยง 12 คน รวมถึงพระสงฆ์เดินทางมาจากนครนายก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด จำนวน 5 รูป
นอกจากนี้ยังเตรียมออกคำสั่งปิดตลาดนัดเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีผู้คนแออัด รวมถึงเป็นผู้ค้าที่ไม่ได้อยู่ประจำ สถานที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ร้านเกม ร้านอินเทอร์เน็ต สนุกเกอร์ สระว่ายน้ำ สนามไดรฟ์กอล์ฟ ตลาดนัดพระเครื่องพระบูชา ศูนย์ประชุมต่างๆ ก็จะให้ปิดด้วยเช่นกัน
ส่วนห้างสรรพสินค้าและตลาดสดเทศบาลที่อยู่เป็นหลักแหล่งและมีมาตรฐานด้านสุขอนามัยก็จะยังคงให้เปิดกิจการได้ รวมถึงร้านเสริมสวย ร้านตัดผม ร้านอาหาร ร้านส้มตำ-ไก่ย่าง หมูกระทะ ฯลฯ ก็ยังคงทำมาค้าขายได้เป็นปกติ สำหรับกิจกรรมที่จะมีคนหมู่มากมารวมตัวกันเกิน 50 คน ก็จะออกมาตรการห้ามและไม่ออกใบอนุญาตให้ เช่น การจัดประชุมสัมมนา การจัดนิทรรศการ การจัดให้มีการละเล่นการแสดงลิเก โขน งิ้ว คอนเสิร์ต เป็นต้น
ทั้งนี้ ทางการแพทย์คาดการณ์เบื้องต้นว่าหากไม่ใช้มาตรการที่เข้มข้นจังหวัดพิจิตรอาจจะมีผู้ป่วยสูงถึง 2,746 ราย หรืออาจจะต้องเสียชีวิต 55 ราย แต่ถ้าจังหวัดพิจิตรใช้มาตรการล็อกดาว์นให้ประชาชนอยู่ในบ้าน คาดว่าผู้ป่วยจะมีแค่ 190 คน หรืออาจมีเสียชีวิตไม่เกิน 4 รายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม จังหวัดพิจิตรก็ได้จัดเตรียมที่วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร และอุทยานบัวบึงสีไฟเป็นโรงพยาบาลสนาม
นายแพทย์ ธีระพงษ์ แก้วภมร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ต่อจากนี้ทุกโรงพยาบาลพิจิตร จะขอห้ามและงดการเยี่ยมไข้ เยี่ยมผู้ป่วยในทุกกรณี ที่อาจเป็นความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อหรือติดเชื้อโรคไวรัสโควิด-19 อีกด้วย