xs
xsm
sm
md
lg

ตะวันออกน่าห่วง! แปดริ้วยอดติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 2 ส่วนที่ปราจีนฯ เจอแล้ว 1

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตะวันออกน่าห่วง! หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เมืองแปดริ้วเพิ่มอีก 2 ราย ซ้ำ 1 ใน 2 เป็นพนักงานโรงงานผลิตรถรายใหญ่ที่มีผลเกี่ยวข้องกับพนักงานในชลบุรีและสมุทรปราการ ด้านผลตรวจ ผวจ.แปดริ้วเป็นลบ ขณะที่ปราจีนฯ มีผู้ป่วยรายแรกเป็นผู้กลับจากสนามมวยใน กทม.
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (20 มี.ค.) สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้เผยแพร่คลิปภาพ นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ออกมาแถลงความคืบหน้าผลตรวจผู้ติดเชื้อโควิด-19 ผ่านสื่อออนไลน์ส่วนตัวขณะกักตัวเอง 14 วันเพื่อเฝ้าดูอาการ ว่า ผลการตรวจซ้ำผู้เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ยืนยันชัดเจนแล้วว่า จ.ฉะเชิงเทรา มีผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมอีก 2 ราย นอกเหนือจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทราและภรรยา
 
โดยรายแรกที่เพิ่มมานั้น เป็นพนักงานในโรงงานผลิตรถยนต์แห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมเกตุเวย์ ซิตี้ อ.แปลงยาว ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับพนักงานที่เดินทางไปยัง จ.ชลบุรี กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ ซึ่งในเบื้องต้นได้ประสานไปยังจังหวัดที่เกี่ยวข้องให้ทำการกักตัวพนักงานที่เกี่ยวข้องและผู้ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อรายนี้แล้ว
 
ส่วนรายที่ 2 เป็นผู้ที่ได้รับเชื้อมาจากสนามมวยลุมพินี ในวันเดียวกันกับที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา เดินทางไปดูมวยแต่กลับไม่ยอมแจ้งข้อมูลต่อทางการ กระทั่งมีอาการป่วยจนต้องเข้าตรวจรักษาที่โรงพยาบาล จนพบว่ามีผลป็นบวก ซึ่งทางจังหวัดได้เข้าทำการควบคุมและสอบสวนโรคแล้วเช่นกัน
 
ทั้งนี้ จ.ฉะเชิงเทรา มีความจำเป็นที่จะต้องกักตัวผู้ใกล้ชิดอื่นๆ เพิ่มเติมอีกด้วย เนื่องจากผู้ติดเชื้อรายที่ 2 อยู่ในอำเภอห่างไกลของจังหวัด และนอกจากนั้นยังมีผู้ที่อยู่ในข่ายต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดอีก 3 ราย รวมปัจจุบันเป็น 7 ราย

อย่างไรก็ดี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ยืนยันว่าขณะที่ทางจังหวัดได้เพิ่มมาตรการควบคุมโรคให้เข้มงวดเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่งแล้ว ด้วยการออกคำสั่งของพนักงานควบคุมโรคให้ผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้ออีกจำนวน 255 ราย ต้องกักตัวเองอย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนออกไปนอกบ้านหรือบริเวณสถานที่กักตัว มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
 
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า วันนี้ (21 มี.ค.) จ.ฉะเชิงเทรา จะออกหมายเรียกให้บุคคลต้องกักตนเองเพิ่มเติมอีกกว่า 100 ราย ขณะที่ผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ของผู้ว่าราชการจังหวัด มีการยืนยันผลออกมาแล้วว่าเป็นลบ จึงไม่ต้องกักตัวอีกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
 
นอกจากนั้น จ.ฉะเชิงเทรา ยังได้ประกาศขยายเวลาปิดสำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา ออกไปอีก 7 วัน หลังจากพบว่ามีพนักงานขับรถยนต์ติดเชื้อโควิด-19 อีก 1 ราย และอยู่ระหว่างรอการยืนยันผล และให้เจ้าหน้าที่ปรับวิธีการทำงานเป็นแบบออนไลน์แทน ส่วนสถานบริการที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค ให้ปิดต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 มี.ค.นี้
 
โตโยต้ามอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ออกแถลงการณ์ยันพนักงานติดเชื้อจริง
 
ขณะเดียวกัน ทางเว็บไซต์ประชาสัมพันธ์ บริษัทโตโยต้ามอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันฉบับแก้ไขลงวันที่ 20 มี.ค.2563 ว่ามีพนักงานในสายสำนักงาน (นอกสายการผลิต) ของโตโยต้า เกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 1 คน เป็นผู้ติดเชื้อ COVID-19 จากการตรวจครั้งแรก เมื่อวันที่ 17 มี.ค.63 และได้รับการยืนยันผลการตรวจซ้ำในวันที่ 19 มี.ค.63 พร้อมได้นำตัวพนักงานคนดังกล่าวเข้ารับการรักษาและดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดภายในองค์กรตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุขในทันที
 
ปราจีนบุรี พบผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นคนกลับจากสนามมวยใน กทม.
 
เช่นเดียวกับที่ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งวานนี้ (20 มี.ค.) นายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมด้วย นายโชคชัย สาครพานิช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี และแพทย์หญิงโศรยา ธรรมรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้ร่วมกันแถลงข่าวที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่าตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อเป็นรายแรกของจังหวัด จากจำนวนผู้ป่วยสะสมที่เข้ารับการตรวจ จำนวน 30 ราย แต่ทั้ง 29 รายตรวจไม่พบเชื้อและกลับบ้านแล้ว
 
ทั้งนี้ ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายแรกของ จ.ปราจีนบุรี เป็นเพศชาย อายุ 34 ปี อาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.เมืองปราจีนบุรี และมีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยที่สนามมวยในกรุงเทพฯ และได้เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
 
และจากกระแสข่าวดังกล่าวทำให้ชาวปราจีนบุรี เกิดความกังวลใจเป็นอย่างมากเนื่องจากพื้นที่ที่ผู้ป่วยอาศัยรวมกับญาติจำนวนหลายคน รวมไปถึงร้านขายของทำให้ต้องสัมผัสกับผู้คนจำนวนมาก จึงทำให้ประชาชนในพื้นที่พากันตื่นตัวในการป้องกันและเฝ้าระวังตนเองเพิ่มมากขึ้น










กำลังโหลดความคิดเห็น