หนองคาย - ศุลกากรหนองคายเผยมีการพยายามลักลอบนำเข้าและส่งออกหน้ากากอนามัยผ่านด่านพรมแดนหนองคาย ยึดได้แล้ว 12 กล่อง 16,000 ชิ้น จังหวัดหนองคายตั้งวอร์รูมเฝ้าระวังคนกลับจากกลุ่มประเทศเสี่ยง
เช้าวันนี้ (10 มี.ค. 63) ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ จ.หนองคาย ยังคงเข้มงวดตรวจสอบบุคคลที่เดินทางเข้าประเทศ ตรวจอุณหภูมิร่างกายของทุกคนโดยเครื่องเทอร์โมสแกน ซึ่งพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้าประเทศจะสวมใส่หน้ากากอนามัย
ส่วนเจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคายที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำด่านได้เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบบุคคลและสิ่งของ กระเป๋าสัมภาระของประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าและออกนอกประเทศ เน้นการตรวจการลักลอบนำเข้าและส่งออกหน้ากากอนามัยในช่วงที่หน้ากากอนามัยเป็นของจำเป็นที่ประชาชนต้องการเป็นอย่างมาก และมีความพยายามป้องกันไม่ให้มีการกักตุนหน้ากากอนามัย รวมถึงการส่งออกนอกประเทศ
ทั้งนี้ นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ศุลกากรหนองคายได้ทำการตรวจสอบและสามารถตรวจยึดหน้ากากอนามัยได้ 12 กล่องใหญ่ จำนวน 16,350 ชิ้น โดยแยกเป็น การนำเข้าประเทศ 3 กล่อง 7,350 ชิ้น การลักลอบส่งออกนอกประเทศ 9 กล่อง 9,000 ชิ้น มีทั้งกล่องบรรจุเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาเวียดนาม โดยจะเป็นลักษณะของการนำหน้ากากอนามัยบรรจุกล่องปะปนไปกับสินค้าประเภทอื่นนำขึ้นบนรถโดยสารระหว่างประเทศ ซึ่งได้ทำการตรวจยึดเป็นของกลาง
หากไม่มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของ ก็จะนำไปจำหน่ายปันส่วนตามระเบียบและกรอบเวลาของกรมศุลกากรต่อไป เจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งเตือนให้ประชาชนหรือนักธุรกิจห้ามไม่ให้มีการนำหน้ากากอนามัยส่งออกนอกประเทศในช่วงนี้โดยเด็ดขาด
สำหรับจังหวัดหนองคายได้มีการตั้งวอร์รูมติดตามเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางกลับประเทศพื้นที่เสี่ยง ซึ่งข้อมูลตัวเลขเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 63 พบว่ามีประชาชนชาวหนองคายเดินทางจากประเทศเสี่ยงโควิด-19 เข้าประเทศไทยจำนวนรวม 119 คน ส่วนใหญ่มาจากประเทศเกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน และฝรั่งเศส
พบว่าอยู่ในพื้นที่ 110 คน ไม่อยู่ในพื้นที่ 8 คน อยู่ระหว่างการเฝ้าระวัง 96 คน กักตัวครบ 14 วันแล้ว จำนวน 14 คน ในจำนวนนี้มีผู้ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค 11 คน ส่งตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 จำนวน 8 คน และรอผลการตรวจอยู่ 3 คน