กาญจนบุรี - ไฟป่าในพื้นที่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ยังส่งผลกระทบทำให้ต้นไม้โค่นล้มบนทางหลวง 323 โชคดีรอบนี้ไม่มีใครได้รับอันตราย ขณะเจ้าหน้าที่เร่งดับไฟป่าทั้งวันทั้งคืน พร้อมวอนให้หยุดเผาป่า ขณะที่สังขละบุรี ถูกหมอกควันปกคลุมจนเด็กศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้องงดทำกิจกรรมกลางแจ้ง
วันนี้ (26 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ไฟป่าที่ยังคงลุกไหม้ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ว่า ยังส่งผลให้มีต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ถูกไฟป่าเผาผลาญโค่นล้มขวางถนนทางหลวงหมายเลข 323 สายทองผาภูมิ-สังขละบุรี ระหว่างหลัก กม.ที่ 237-238 เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีผู้ใช้เส้นทางดังกล่าวประอุบัติเหตุต้นไม้ริมทางโค่นล้มทับจนทำให้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ
แต่ครั้งนี้โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด โดยภายหลังเกิดเหตุ นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม สั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 20 นาย พร้อมเลื่อยยนต์เข้าทำการตัดต้นไม้และเก็บกิ่งไม้ออกจากพื้นผิวจราจร โดยใช้เวลาครึ่งชั่วโมงจึงเปิดให้รถยนต์สัญจรไปมาได้อีกครั้ง
ขณะเมื่อคืนที่ผ่านมา เวลา 23.30 น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า เกิดเหตุไฟไหม้ป่าบริเวณน้ำตกไดช่องถ่อง ในพื้นที่บ้านจงอั่ว หมู่ที่ 3 ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่อุทยานเขาแหลม เจ้าหน้าที่ชุดดับไฟป่าของอุทยานฯ กว่า 10 นาย จึงเดินทางไปทำการดับไฟ ด้วยการทำแนวกันไฟ และใช้อุปกรณ์ดับไฟ รวมทั้งถังพ่นฉีดน้ำเข้าไปทำการดับไฟท่ามกลางความมืด โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถดับไฟได้
โดย ว่าที่ ร.ต.หญิงชดาพรรณ ปันทา นักวิชาการป่าไม้ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม เผยว่า ในช่วงนี้ในพื้นที่ได้เกิดเหตุไฟป่าในหลายจุด ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นจากงานที่ทำประจำ จึงอยากวิงวอนผ่านสื่อขอให้ผู้ที่ทำให้เกิดไฟป่า หยุดเผาป่า นอกจากไฟป่าจะทำให้เกิดความเสียหายต่อธรรมชาติแล้ว ไฟป่ายังสร้างความเดือดร้อนต่อพี่น้องประชาชน ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย
ขณะที่ไฟป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ ต่อเนื่องมาถึง อ.สังขละบุรี ส่งผลให้สภาพท้องฟ้าในพื้นที่ อ.สังขละบุรี เต็มไปด้วยหมอกควัน โดยเฉพาะในช่วงเช้าที่มีสภาพอากาศเย็น และไม่มีลมพัด ส่งผลให้ค่าหมอกควันสูงเกินค่ามาตรฐาน ประกอบกับที่ผ่านมา ในพื้นที่ประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง ทำให้สภาพหมอกควันที่เกิดขึ้นปีนี้รุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งสภาพหมอกควันที่เกิดขึ้นเริ่มส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในพื้นที่ จำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มน้อยลง
นอกจากนี้ ในส่วนของเด็กๆ ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนเกณฑ์ ต้องงดทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงเช้า โดยครูพี่เลี้ยงต้องพาเด็กทำกิจกรรมในห้องเรียน และคอยดูแลสุขภาพเด็กมากขึ้นกว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาภาวะหมอกควันที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของนักเรียน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา นายสืบสาย ศักดิ์โสภิษฐ์ นายอำเภอทองผาภูมิ ได้ออกประกาศอำเภอทองผาภูมิ เรื่อง ห้ามเผาไร่ นา ขยะโดยเด็ดขาดในพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ
ระบุว่า ด้วยอำเภอทองผาภูมิ ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และควันไฟจากการเผาป่า ซึ่งเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนในพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ ดังนั้น เพื่อให้คุณภาพอากาศในบรรยากาศของอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน จึงขอความร่วมมือจากหน่วยงานและประชาชนดำเนินการ ดังนี้
1.ให้หน่วยงานราชการรัฐ วิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกหน่วยงานปฏิบัติเป็นตัวอย่างที่ดีในการงดการเผาทุกชนิดในพื้นที่รับผิดชอบ 2.ขอให้ประชาชนงดการกระทำใดๆ อันเป็นเหตุให้เกิดฝุ่นละออง เขม่า เถ้า สิ่งมีพิษ หากมีการฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติสาธารณสุข ได้แก่ 2.1 งดเผา เศษวัสดุในครัวเรือน เศษวัชพืชในที่รกร้าง การเผาหญ้าในเขตไหล่ทาง
2.2 งดเผาในพื้นที่การเกษตรโดยเด็ดขาด ให้เปลี่ยนวิธีการกำจัดวัชพืช และผลผลิตทางการเกษตรเป็นการทำปุ๋ยหมัก หรือจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพในการเร่งการย่อยสลาย
3.ห้ามเผาในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติโดยเด็ดขาด 4.การเผาทุกกรณีถ้าเป็นเหตุให้เกิดไฟไหม้ป่า ถือเป็นความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้ จะมีการสืบสวนหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีโดยเฉียบขาด และ 5.ให้หน่วยงานทุกหน่วยงานประชาสัมพันธ์และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อผู้ฝ่าฝืน