กาญจนบุรี - ควันพิษคลุมท้องฟ้าลามหลายอำเภอ ครูสาวสุดทนโพสต์เฟซฯปีนี้วิกฤตมาก ที่นี่ไทรโยคใหญ่ ขอร้องอย่าเผา ขอให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ ด้านผู้ว่าฯ เมืองกาญจน์ โพสต์จี้ นอภ. ลงพื้นที่ดับไฟป่าทันทีที่ได้รับแจ้ง หากปล่อยปละโดนพิจารณาเรื่องสมรรถภาพ
วันนี้ (26 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์การเกิดไฟป่า ทั้งเกิดจากฝีมือของมนุษย์ และเกิดจากธรรมชาติที่เกิดขึ้นในทุกปี เป็นเหตุทำให้มีกลุ่มควัน พวยพุ่งเต็มท้องฟ้า สร้างปัญหาต่อสุขภาพของประชาชนในหลายพื้นที่ของประเทศไทย
สำหรับพื้นที่เขตเทศบาลตำบลทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นแหล่งชุมชน นายประเทศ บุญยงค์ นายกเทศมนตรีได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ติดตั้งเครื่องพ่นละอองน้ำเพื่อลดปริมาณฝุ่นควัน โดยติดตั้งบริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลทองผาภูมิ สวนสุขภาพเฉลิมพระเกียรติ ร.9 และกำลังดำเนินการติดตั้งเครื่องพ่นละอองน้ำเพิ่มเติมในจุดอื่นๆ ให้ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน
ในส่วนของพื้นที่ อ.ไทรโยค ก็เจอสถานการณ์หมอกควันเช่นเดียวกัน โดยครูโรงเรียนสมเด็จพระปิยมหาราชรมณียเขต ได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า ‘นภัสวรรณ ยะปะเพ’ เป็นภาพของตนเองและเด็กนักเรียนสวมหน้ากากอนามัย และสภาพบรรยากาศในพื้นที่ที่เกิดจากกลุ่มควันพิษจากไฟป่า ที่ทำให้แสบตา แสบจมูก และเจ็บคอ
ครูและนักเรียนอยู่อาคาร 2 ชั้น 4 ของโรงเรียนดังกล่าว ระบุว่า อาคาร 2 ชั้น 4 วิกฤต # ควัน # ดูจากชั้น 4 แล้วมองออกไป เต็มไปด้วยควันที่ปกคลุมพื้นที่ แท้ที่จริงแล้วตรงที่เรายืนอยู่นี้ก็เป็นเหมือนที่เรามองออกไปนะลูก ต้องสู้นะเด็กๆ ป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อน เดี๋ยวสุขภาพแย่ ทั้งครูทั้งเด็ก นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่า ปีนี้วิกฤตมาก ที่นี่ไทรโยคใหญ่ #ขอร้องอย่าเผา #ขอร้องผู้มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยดับไฟให้ด้วยจ้า 3 วันแล้วที่วิกฤต #ช่วยด้วยค่ะ
หลังจากโพสต์ดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไปได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่รู้สึกวิตกกังวลกับสถานการณ์ บางความเห็นระบุว่า “คุณภาพชีวิตย่ำแย่ไปตามๆ กัน คนเผาก็เผากันไป เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ได้มีมาตรการให้เห็นเป็นรูปธรรม” และบางคนแสดงความเห็นว่า “ครูและเด็กนักเรียนจะตายอยู่แล้ว คนเผาก็เผากันจัง เด็กใกล้จะสอบแล้วต้องมารับผลกระทบจากคนมักง่าย จะหนีไปไหนก็ไม่ได้เพราะเป็นเด็กโรงเรียนประจำ รบกวนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยหน่อยนะคะ”
ส่วนที่ อ.สังขละบุรี ก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน โดยพบว่า ในพื้นที่เต็มไปด้วยหมอกควัน โดยเฉพาะในช่วงเช้าที่มีสภาพอากาศเย็น และไม่มีลมพัด ส่งผลให้ค่าควันสูงเกินค่ามาตรฐาน ประกอบกับที่ผ่านมา ในพื้นที่ประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง ทำให้สภาพกลุ่มควันที่เกิดขึ้นปีนี้รุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา สิ่งที่เกิดขึ้นเริ่มส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในพื้นที่ ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มน้อยลง และเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพต่อประชาชนแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกัน นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งได้รับทราบปัญหาสถานการณ์ผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และควันไฟจากการเผาป่า และไฟป่าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ รวมทั้งการเผาวัชพืชเพื่อเตรียมแปลงเกษตร ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาหมอกควัน โดยได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผ่านทางโซเชียลมีเดีย
ล่าสุด วันนี้ (26 ก.พ.) ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้นำภาพไฟไหม้ภูเขามาโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมบรรยายว่า “เรื่องไฟป่าและการเผาพื้นที่ ฝากผู้ใหญ่บ้านทุกบ้านช่วยกันดูแลหน่อยครับ ช่วงนี้มันหนักจริงๆ กรุณาประสาน อบต. หรือเทศบาลในพื้นที่หรือใกล้เคียงและท่านนายอำเภอเข้าดับทันที หมู่บ้านไหนปล่อยปละละเลย ถ้าผมได้รับรายงานตรงจากประชาชนแสดงว่าท่านไม่ทำงาน คงต้องพิจารณาเรื่องสมรรถภาพครับ”
หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไปได้ไม่นาน มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่แสดงความชื่นชมการทำงานของผู้ว่าฯ ที่ลุกขึ้นมาเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ พร้อมส่งภาพพื้นที่ที่เกิดไฟไหม้และแจ้งพิกัดจุดเกิดเหตุใต้โพสต์ดังกล่าวด้วย
จากนั้นผู้ว่าฯ ได้สั่งการให้ทางอำเภอพื้นที่นั้นๆ เข้าดำเนินการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นทันที นอกจากนี้ นายเสกสม ลินดาพรประเสริฐ ป้องกันจังหวัดกาญจนบุรี ก็ได้ระบุใต้โพสต์ด้วยว่า ถ้าพบเหตุเพลิงไหม้ป่าต้องแจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต. นายกเทศมนตรี ตำรวจ เป็นอันดับแรก ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน รับผิดชอบร่วมกันทุกคน
