กำแพงเพชร - ตามพิสูจน์บ้านเงินกู้สวัสดิการ ทบ.หลังละ 1.5 ล้านโผล่เขตป่าสงวนฯ กำแพงเพชร พบส่วนใหญ่ถูกปล่อยร้างทรุดโทรม ติดป้ายขายหรือให้เช่า ชาวบ้านยันมี น.ส.3-กู้แบงก์ แต่บางหลังมีทหารมาซื้อจริง
กรณีเพจชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมได้โพสต์ภาพหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง รวมทั้งภาพถ่ายทางอากาศในพื้นที่ ต.พรานกระต่าย อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร พร้อมระบุข้อความว่า #โครงการที่มีทหาร นำที่ดินป่าสงวนมาหลอกขายทหารชั้นผู้น้อย โดยใช้เงินกู้ของกรมสวัสดิการทหารบก ราคาหลังละ 1.5 ล้านบาท และมีเงินทอน 2 แสน โดยบ้านตัวอย่างกับที่เห็นกลายเป็นเอาบ้านมือสองมาย้อมแมวขาย หากคนในกรมสวัสดิการทหารบกไม่ร่วมทุจริตด้วย จะรับจำนองที่ดินป่าสงวนได้ไง
โครงการนี้ถือเป็นความอัปยศอีกชิ้นที่มีหลักฐานใบเสร็จชัดเจน ที่ชมรมฯ ต้องให้ความช่วยเหลือทหารชั้นผู้น้อยที่โดนหลอกลวงจนเป็นหนี้ผ่อนจนจบ 30 ปีจะเป็นหนี้ 3.47 ล้าน ไม่ใช่ 1.5 ล้าน ที่สำคัญถือเป็นผู้บุกรุกป่าสงวนด้วย โดยไม่สามารถอยู่ได้ เพราะต้องมีการเพิกถอนโฉนด เวรกรรมจริงๆ ของทหารชั้นผู้น้อย เคยร้องเรียน แต่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชา
ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบบ้านจัดสรรตามพิกัดที่ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมระบุในเพจดังกล่าว เป็นหมู่บ้านริมถนนกำแพงเพชร-พรานกระต่าย-สุโขทัย หมู่ที่ 10 ต.พรานกระต่าย อ.พรานกระต่าย ซึ่งบ้านบางหลังมีคนอาศัยอยู่ แต่บางหลังมีสภาพทรุดโทรมไม่มีคนอยู่อาศัย บางบ้านติดป้ายให้เช่า บางบ้านติดป้ายประกาศขาย แต่ส่วนใหญ่บ้านแต่ละหลังจะถูกทิ้งเป็นบ้านร้าง
สอบถามไปยังชาวบ้านบางราย บอกว่าพอจะทราบข่าวอยู่บ้างว่าถูกโยงไปเกี่ยวข้องกับการกู้เงินกรมสวัสดิการทหารบกมาซื้อบ้านในโครงการหมู่บ้านแห่งนี้ แต่ก็ไม่ทราบรายละเอียด แต่ก็ยอมรับว่าบ้านบางหลังมีทหารเข้ามาซื้ออยู่จริง ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการสวัสดิการหรือไม่นั้นไม่ทราบและไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย
แต่ที่ชาวบ้านกังวลที่สุดคือ โครงการบ้านทั้งโครงการรุกล้ำพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติได้อย่างไร ในเมื่อขั้นตอนการซื้อขายเป็นไปอย่างถูกต้องทุกกระบวนการ ตั้งแต่การทำสัญญาซื้อขาย การประเมินราคา การจดจำนองอาคารพร้อมที่ดินกับธนาคาร ที่สำคัญเอกสารสิทธิในที่ดินก็เป็นโฉนดที่ดิน น.ส.3 อย่างถูกต้อง
หากที่ดินของตนเข้าข่ายบุกรุกป่าสงวนจริงแล้วที่ผ่านมาจะทำอย่างไร ทั้งสิทธิครอบครอง เงินที่ซื้อขายไป ใครจะมารับผิดชอบ แม้กระทั่งบ้านที่เปิดให้เช่า หรือประกาศขายใครจะมาซื้อ ซึ่งตอนนี้ชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านนี้ต่างกังวลกันมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามข้อเท็จจริงจากหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กพ.6 (น้ำดิบมะพร้าว) เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าจากการตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศและการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบเป็นพื้นที่ป่าสงวนจริง แต่การออกเอกสารสิทธิเป็นการพิจารณาตามแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน ส.ค.1 ส่วนจะดำเนินการถูกต้องหรือไม่ต้องให้ทางที่ดินเป็นผู้ชี้แจง
ส่วนประเด็นที่เฟซบุ๊กแฟนเพจชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมได้โพสต์ว่าโครงการบ้านจัดสรรดังกล่าว ใช้เงินกู้ของกรมสวัสดิการทหารบก และมีเงินทอนจากการซื้อขายหรือไม่ ต้องดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป