xs
xsm
sm
md
lg

คนไทยได้ลุ้นกินทุเรียนถูก หลังผลผลิตตะวันออกปี 63 เพิ่มสวนทางตลาดส่งออกหลักมีปัญหา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จันทบุรี - คนไทยมีลุ้นได้กินทุเรียนราคาถูก หลังตลาดรับซื้อใหญ่อย่างจีนมีปัญหาไวรัสโคโรนา คาดทำการใช้จ่ายของชาวจีนลดต่ำจนกระทบการส่งออก สวนทางปริมาณผลผลิตในพื้นที่ตะวันออกปี 63 ที่เพิ่มขึ้นถึง 21% หวั่นจีนแก้ปัญหาไม่ได้เจอภาวะล้นตลาดกดราคาขายต่ำแน่
 
วันนี้ (13 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.นิพัทธา จันย่อง พาณิชย์จังหวัดจันทบุรี ถึงภาพรวมผลผลิตทุเรียนในพื้นที่ภาคตะวันออก ปี 2563 ว่าจะมีไม่น้อยกว่า 5.8 แสนตัน โดยเป็นผลผลิตทุเรียนในพื้นที่ จ.จันทบุรี กว่า 4.17 แสนตัน ซึ่งถือเป็นปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 21%
 
โดยเบื้องต้น ยังคาดว่าแนวโน้มราคาจะยังเป็นไปในทิศทางทางที่ดีเมื่อเทียบกับราคาขายทุเรียนในช่วงปลายฤดูของภาคใต้ที่ส่งไปยังประเทศจีน ที่ยังสูงถึงกิโลกรัมละ 150-160 บาท
 
แต่ในส่วนของ จ.จันทบุรี ที่ผลผลิตล็อตแรกซึ่งจะออกในช่วงเดือน มี.ค.เรื่อยไปจนถึงช่วงพีกสุดในเดือน พ.ค.นี้ ราคาขายต่อกิโลกรัมน่าจะยังอยู่ในเกณฑ์กว่า 100 บาทต่อกิโลกรัม แต่ปัญหาคือตลาดส่งออกหลักของ จ.จันทบุรี กว่า 90% อยู่ที่ประเทศจีน ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งในมุมมองส่วนตัวแล้วหากจีนยังแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้ก็น่าจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตทุเรียนของไทยที่เชื่อว่าน่าจะล้นตลาด
 
ทั้งนี้ แม้การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในวันนี้ไม่ได้ทำให้จีนต้องปิดประเทศ แต่ความวิตกของประชาชนและความหวาดกลัวต่อโรคดังกล่าวของประชากรจีน ย่อมส่งผลกระทบต่อการบริโภคและการจับจ่ายภายในประเทศและกระทบต่อความต้องการบริโภคทุเรียนจากไทย

และหากทุเรียนจากไทยส่งไปขายในประเทศจีนไม่ได้ กระทรวงพาณิชย์คงจะต้องทำงานหนักในแง่ของการขยายตลาดไปยังประเทศอื่น เช่น อินเดีย บูรไน หรืออินโดนีเซีย เพื่อระบายผลผลิตภายในประเทศ

โดยเมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังได้เดินทางมายัง จ.จันทุบรี เพื่อประชุมร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน และเกษตรกร ในการแก้ปัญหาหากไม่สามารถส่งออกผลไม้ไปยังประเทศจีนได้ รวมทั้งกำหนดแผนรองรับในการกระจายตลาดภายในประเทศและหาตลาดต่างประเทศใหม่ โดยเฉพาะการเจรจาเปิดตลาดกับอินโดนีเซีย

พาณิชย์จังหวัดจันทบุรี ยังเผยอีกว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการหวั่นวิตกในขณะนี้คือ เรื่องโรคระบาดในประเทศจีนที่หากยังไม่คลี่คลายก่อนผลผลิตทุเรียนล็อตแรกออกสู่ตลาดก็จะส่งผลกระทบต่อการส่งออก แต่อย่างไรก็ดี ตนเองยังมีความเชื่อมั่นว่า ราคาทุเรียนในปีนี้จะยังไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา แต่ก็ต้องรอดูสถานการณ์ในระยะยาวของจีนด้วย

และแม้ว่าสุดท้ายแล้วราคาขายจะถูกปรับลดลงแต่เชื่อว่าจะไม่ทำให้ชาวสวนขาดทุนอย่างแน่นอน ซึ่งในเบื้องต้น ชาวสวนยังคงกำหนดราคาขายหน้าสวนอยู่ที่กิโลกรัมละ 150 บาท แต่ในระยะต่อไปราคาจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในประเทศจีนเป็นสำคัญ

ขณะที่ นายธรรมนูญ ยั่งยืน อายุ 52 ปี พ่อค้ารับซื้อทุเรียนภายในประเทศ เผยว่า ขณะนี้ผลผลิตทุเรียนใกล้ออกสู่ตลาดแล้ว และหากตลาดจีนยังมีปัญหาเรื่องโรคระบาดก็เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกและเกษตรกรในพื้นที่จากปัญหาผลผลิตล้นตลาดอย่างแน่อน ซึ่งผู้ประกอบการอยากวิงวอนไปยังกระทรวงพาณิชย์ ให้เร่งหาตลาดส่งออกใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการ เพราะเมื่อตลาดส่งออกของไทยอิงกับประเทศจีนเพียงประเทศเดียว เมื่อเกิดปัญหาย่อมมีผลกระทบใหญ่

“ซึ่งเหมือนกับเหตุการณ์เมื่อ 10 กว่าปีก่อนที่ผลไม้ไทยล้นตลาด ทำให้เกษตรกรต้องขายทิ้งในราคาถูก และขณะนี้สิ่งที่ผู้ประกอบการวิตกมากที่สุดอีกประการคือ การที่เกษตรกรปล่อยผลผลิตไม่ได้คุณภาพออกสู่ตลาด ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคเบื่อหน่ายกับการซื้อผลไม้จากภาคตะวันออก จึงอยากให้กรมวิชาการเกษตร และกระทรวงพาณิชย์ เข้มงวดการสุ่มตรวจผลผลิตที่จะออกสู่ตลาด โดยเฉพาะในส่วนของล้งรับซื้อต่างๆ ให้เพิ่มมากขึ้น” นายธรรมนูญ กล่าว

สศก.เตรียมเคาะราคาผลไม้ภาคตะวันออก มี.ค.นี้

ด้าน นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เผยว่า ผลพยากรณ์ไม้ผลภาคตะวันออกในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ จันทบุรี ระยอง และตราด ในปี 2563 ครั้งที่ 2 พบว่า ไม้ผลทั้ง 4 ชนิด คือ ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง มีผลผลิตรวม 1,053,016 ตัน เพิ่มขึ้น 18.57% เมื่อเทียบจากผลพยากรณ์ ครั้งที่ 1 เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย

ทั้งนี้ ทุเรียน มีปริมาณเพิ่มมากที่สุด 21% รองลงมาคือ ลองกอง เพิ่มขึ้น 19% เงาะ เพิ่มขึ้น 17% และมังคุด เพิ่มขึ้น 14%

โดยทุเรียนจะสามารถเก็บผลผลิตรุ่นแรกได้ในช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้ และจะออกชุกในช่วงปลาย พ.ค. ต่อเนื่องถึงต้น มิ.ย. ซึ่ง สศก.จะติดตามสถานการณ์ เพื่อสรุปข้อมูลเอกภาพและสรุปราคาที่แน่ชัดอีกครั้งในเดือน มี.ค.นี้

ผู้ประกอบการล้งรับซื้อผลไม้เสี่ยงขาดทุน

จากการสอบถามไปยังแหล่งข่าวจากกลุ่มผลไม้คุณภาพส่งออก 4.0 อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ทราบว่า ตั้งแต่เชื้อไวรัสโคโรนาระบาดในหลายเมืองของประเทศจีน ทำให้ล้งรับซื้อผลไม้ในพื้นที่หยุดซื้อลำไยเพื่อส่งออกไปยังปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ เนื่องจากตลาดปลายทางเริ่มไม่มีคนซื้อจนถูกกดราคา
 
และหากผลผลิตผลไม้ในพื้นที่ภาคตะวันออก เริ่มทยอยออกสู่ตลาดในเดือนหน้าโดยเฉพาะทุเรียน แต่การคลี่คลายปัญหาโรคระบาดในประเทศจีนยังไม่ดีขึ้น เชื่อว่าผู้ประกอบการล้งรับซื้อผลไม้จะขาดทุนอย่างแน่นอน

พาณิชย์จังหวัดจันทบุรี





นายธรรมนุญ ยั่งยืน




กำลังโหลดความคิดเห็น