นครปฐม - คณะแพทย์ พาอาม่าผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่นคนแรกของประเทศไทย ตั้งโต๊ะแถลงหายขาดแล้ว โดยเป็นความสำเร็จของคณะแพทย์โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม หลังทำการรักษา 10 วัน โดยไม่มีใครติดเชื้อเพิ่ม ส่วนอาม่าบอกไปเที่ยวแล้วกลับมาสงสัยเลยมาตรวจสุดท้ายเป็นจริง บอกใครป่วยให้รีบมารักษาหายขาดได้
วันนี้ (4 ก.พ.) ที่ห้องประชุมภัทรจิตรา โรงพยาลศูนย์นครปฐม แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 5 นายแพทย์สามารถ ถิระศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม แพทย์หญิงดารารัตน์ รัตนรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม พร้อมด้วย นางใจม่วย แซ่อึ๊ง อายุ 73 ปี ผู้ป่วยติดเชื้อไรรัสโคโรนา และคณะแพทย์ผู้ทำการรักษาได้เปิดแถลงข่าวผลการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่น จนสำเร็จซึ่งถือเป็นคนไทยคนแรกที่ติดเชื้อและหายขาด ซึ่งมีกองทัพสื่อมวลชนจากทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาเกาะติดตามข้อมูลอย่างคับคั่งเพื่อรอรายงานความคืบหน้าในการรักษา
โดยแพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 5 เผยว่าวันนี้เป็นการแถลงถึงความสำเร็จของกระทรวงสาธารณสุขในการรักษาผู้ที่ติดเชื้อไวรัสคนแรกในประเทศไทยซึ่งหายขาดแล้ว โดยเป็นการรับการรักษาตามกระบวนการมาตรฐานซึ่งเป็นทีมแพทย์จากโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ซึ่งได้มีการตั้งศูนย์ในการดูแลผู้ป่วยซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากล
ถือเป็นการสะท้อนความสำเร็จในหลายภาคส่วนที่ร่วมกันจนมาถึงวันนี้ ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุข ได้เน้นย้ำว่าไม่ได้มีการดูแลเฉพาะเพียงคนไข้เท่านั้นแต่ได้มีการดูแลสุขภาพของคนรอบข้างทั้งเรื่องสุขภาพและการดูแลทางสภาพจิตใจทั้งหมด ซึ่งจนถึงวันนี้ทั้งผู้ป่วย ญาติ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์นั้นไม่ได้มีใครที่มีการติดเชื้อเพื่อเติม และจะมีการถอดบทเรียนนี้เป็นวิธีที่จะมีการสามารถมารองรับการดูแลผู้ป่วยต่อไปด้วย
ขณะที่ แพทย์หญิงดารารัตน์ รัตนรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม เผยว่า ทีมทำงานในการดูแลผู้ป่วยเป็นทีมงานที่เป็นแพทย์ของโรงพยาบาลศูนย์นครปฐมทั้งหมด ซึ่งได้มีการทำงานในมาตรฐานสากล และเป็นที่ยินดีที่มีการรักษาผู้ป่วยจนหายขาด ซึ่งช่วงแรกผู้ป่วยได้เข้ามาทำการตรวจ ซึ่งมีอาการเป็นไข้ โดยได้สอบถามประวัติพบว่าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่ฮั่น สถานที่แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 จึงได้มีการกักตัวและตั้งศูนย์ปฏิบัติการที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐมทันที
โดยได้รับผู้ป่วยเข้ามาเมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการตรวจผู้ที่ร่วมเดินทางไปกับคณะด้วย จากนั้นได้ส่งเชื้อตัวอย่างไปตรวจและวิเคราะห์ โดยในวันที่ 19 ม.ค. ได้มีผลออกมาชัดเจนว่ามีการติดเชื้อไวรัส จึงได้มีการเข้ามาทำการรักษา จนกระทั่งมีการตรวจสอบเชื้อ 2 ครั้งว่าปลอดเชื้ออย่างแน่นอนแล้ว จึงได้ให้ญาติมารับกลับบ้านในวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา รวมระยะเวลา 10 วันพอดี
ในการรักษาผู้ป่วยนั้นไม่มีไข้สูงบางวันก็จับไม่ขึ้นว่ามีอาการไข้เลย ซึ่งสิ่งที่ยากคือผู้ป่วยมีโรคหัวใจอยู่ด้วยจึงทำให้การรักษามีความยุ่งยากเพิ่มขึ้น แต่ก็สามารถรักษาจนหายขาด
ขณะที่ นางใจม่วย แซ่อึ๊ง อายุ 73 ปี กล่าวว่า ตอนแรกไปเที่ยวที่เมืองอู่ฮั่นประเทศจีน เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.62 และกลับมาวันที่ 3 ม.ค.63 โดยไปกับลูกสาวและหลาน เมื่อกลับมาก็เป็นปกติและไม่ได้ไปเที่ยวในจุดเสี่ยงแต่ไปในเมืองที่มีคนอยู่มาก
เมื่อกลับมามีอาการไข้ขึ้น ซึ่งพอมีกระแสว่าเกิดเชื้อไวรัสที่เมืองอู่ฮั่น ลูกชายได้โทร.มาสอบถามว่าตนเองได้ไปเที่ยวหรือไม่ ตนเองบอกว่าไป ซึ่งลูกชายบอกว่ามีคนตายเพราะติดเชื้อ กระทั่งวันที่ 15 ม.ค. จึงได้ให้ลูกพามาตรวจและถูกแพทย์ให้นอนพัก ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรทำไมหมอ พยาบาลถึงได้มีการให้ตนเองไปอยู่แต่ในห้องกระจก และมีการสวมชุดป้องกันแน่นหนามาก สงสัยแต่ยังไม่มั่นใจ
จนกระทั่งนอนไป 4 วัน หมอมาบอกว่าตนเองติดเชื้อไวรัสที่เป็นข่าว ก็รู้สึกเครียดเพราะต้องโดนกักตัวไม่ได้เจอใครมีเพียงให้ใช้โทรศัพท์มือถือคุยกับลูกเท่านั้น
อาม่า กล่าวอีกว่า ในการรักษาทีมแพทย์ดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งช่วงแรกที่รักษาตนเองได้สังเกตว่ามีอาการเหมือนกับที่เป็นข่าว โดยเมื่อรักษาหายก็สบายใจและไม่เครียด ฝากบอกถึงคนที่ติดเชื้อไม่ต้องเครียด และถ้าสงสัยว่าตัวเองเข้าข่ายให้รีบมาหาหมอ และทำการรักษาให้หาย ซึ่งวันนี้ตนเองหายแล้ว เมื่อวานก็เริ่มออกไปนอกบ้านเป็นครั้งแรก
ด้านนายพงพัฒน์ แซ่อึ๊ง ลูกชายเผยว่า ขณะที่รู้ว่าแม่ป่วยได้มาเฝ้าดูกันตั้งแต่วันแรกจนถึง 10 วัน เรามาทุกวันแต่เข้าไปเฝ้าไม่ได้ ซึ่งความรู้สึกในการรักษามันรู้สึกดีขึ้น เพราะอาการดีขึ้นทุกวันจากการเอกซเรย์ปอด มันค่อยๆ ดีขึ้น จนกระทั่งหาย
ปีที่แล้วแม่ไปเที่ยวมาทั้งหมด 4 แห่ง ซึ่งรวมถึงอู่ฮั่นด้วย ซึ่งถามแล้วแม่บอกว่า ที่อู่ฮั่นช่วงนี้คงยังไม่ไปเพราะยังเข็ด การดูแลจากนี้เราทำตัวกันปกติเพราะหายแล้วไม่มีอะไรต้องกังวล โดยลูกๆ ก็จะมาหาแม่ทุกปีช่วงวันตรุษจีนอยู่แล้วเพราะมีลูก 7 คน
ส่วน นางกฤติยา แซ่อึ๊ง ลูกสาวเผยว่า ตอนแรกที่แม่มาตรวจสงสัยว่าจะใช่หรือไม่ พอคุยกับหมอแล้ววันที่ 4 ที่มานอนรักษาตัวยืนยันว่าใช่จริง เราสงสัยว่าแม่จะทนได้หรือไม่เพราะอาการป่วยด้วยโรคหัวใจก็มี และน่าห่วงกว่าเชื้อที่พบ ซึ่งต้องรักษาตามอาการ
เรามั่นใจว่าในห้องกระจกที่แม่ไปอยู่นั้นจะไม่มีการติดเชื้อเพิ่มเติมแล้ว และได้แต่โทร.หากันและบอกว่าไม่ต้องคิดมาก ให้คิดว่ามานอนพักผ่อน ซึ่งเมื่อวันที่ 19 เราเห็นแม่แล้วก็รู้สึกว่าปลอดภัยแล้ว
ขณะที่หมอบอกว่า แม่หายขาดแล้วทุกคนดีใจมาก แต่กลับไปบ้านก็ยังต้องพักฟื้นเพราะขาไม่มีกำลัง แต่เมื่อวานพาไปข้างนอก โดยช่วงแรกแม่ไม่อยากออกไปไหนเพราะกลัวว่ายังมีเชื้ออยู่และจะไปแพร่ให้คนอื่น แต่พอตรวจยืนยันแล้วก็สบายใจมาก
ทั้งนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขได้มีการแถลงแนวทางในการรักษาผู้ป่วยคือ 1.นอนพักรักษาตัวในห้องแยกโรคความดันลบ 2.ถ่ายภาพรังสีปอดเพื่อติดตามการดำเนินโรค 3.ตรวจทางห้องปฏิบัติการตามเกณฑ์ 4.ให้การรักษาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ โรคระบบทางเดินหายใจ ดูแลสภาพจิตใจโดยจิตแพทย์ รวมทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์โรคหัวใจดูแลโรคประจำตัว และสหสาขาวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง 5.ติดตามอาการอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง 6.ปฏิบัติตามระบบบัญชาการด้านการแพทย์และสาธารณสุข (ncident Command System : ICS)