หนองคาย-สามีและลูกสาวกำนัน ดีใจตำรวจได้หลักฐานสำคัญในคดีฆ่า “กำนันเตี้ย” จุดธูปเคาะโลงบอกให้ช่วยตำรวจจับคนร้ายอีกทาง ลูกสาวบอกยังไม่เผาศพแม่จนกว่าจะจับฆาตกรโหดได้ ด้านตำรวจรู้แหล่งซื้อรถแล้ว สอบปากคำไปแล้ว 7 ปาก
จากกรณีคนร้ายเป็นชายสูงประมาณ 170 เซนติเมตร สวมหมวกกันน็อคเต็มใบ ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีแดง ทำทีไปขอซื้อเครื่องดื่มชูกำลังที่บ้านนางกรรณิการ์ วงค์ศิริ อายุ 52 ปี กำนันตำบลผาตั้ง หรือ กำนันเตี้ย ที่บ้านเลขที่ 152 หมู่ 6 บ้านดงต้อง ต.ผาตั้ง อ.สังคม จ.หนองคาย แล้วใช้อาวุธปืนขนาด 11 มม.ยิงขมับกำนันเตี้ยเสียชีวิตคาห้องครัว เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 09.30 น. วันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย และตำรวจภูธรภาค 4 ได้ลงพื้นที่ติดตามตัวคนร้ายอย่างใกล้ชิด
จนล่าสุดบ่ายวานนี้(4ก.พ.)เจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถจักรยานยนต์ถูกถอดล้อทั้งสองล้อและหมวกกันน็อค ถูกทิ้งในอ่างเก็บน้ำห้วยสระคลองใหญ่ ต.คำด้วง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าของคดีนี้ที่บ้านของกำนันเตี้ย ซึ่งยังคงมีการจัดงานศพอยู่ โลงศพของกำนันก็ยังคงตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่กลางบ้าน เมื่อมีข่าวพบหลักฐานสำคัญของคดีอย่างรถจักรยานยนต์และหมวกกันน็อค ชาวบ้านต่างพากันตื่นเต้นยินดี โดยนายพิเดช วงค์ศิริ สามีของกำนันเตี้ย ได้จุดธูปและเคาะโลงศพกำนันเตี้ยบอกกล่าวข่าวดีนี้ให้กำนันเตี้ยรับรู้ พร้อมขอให้กำนันเตี้ยช่วยตำรวจจับผู้ร้ายที่ก่อเหตุได้เร็ว ๆ นี้ด้วย
นายพิเดช กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้ทราบข่าว โดยตัวรถจักรยานยนต์ยังข้องใจอยู่ว่าจะเป็นคันเดียวกันหรือไม่ แต่ส่วนหมวกกันน็อคค่อนข้างมั่นใจว่าใช่ของคนร้าย อยากให้ตำรวจจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เพราะขณะนี้ตนยังไม่สบายใจ มีความกระวนกระวายและไม่มั่นใจในความปลอดภัยของตัวเอง กลัวว่าคนร้ายเมื่อฆ่าภรรยาแล้วจะมาฆ่าตัวเองด้วย ตอนนี้ได้ขอกำลัง ชรบ. 6 นาย มาช่วยดูแลความปลอดภัย มากินนอนอยู่ที่บ้านด้วย
หากเจ้าหน้าที่จับคนร้ายได้ตนอยากขอให้มาขอขมาภรรยาตนก่อน และขอให้ได้รับโทษประหารชีวิต การทำรุนแรงกับผู้หญิงแบบนี้ถือว่าโหดร้ายมาก หากไม่พอใจอะไรอยากตบตีสั่งสอนตนก็ไม่ว่าอะไร แต่ทำไมต้องทำทารุณถึงขั้นฆ่ากันตายด้วย
ด้าน น.ส.ศศิภา วงค์ศิริ ลูกสาวกำนันเตี้ย กล่าวว่า ได้ยินชาวบ้านพูดกันว่า ก่อนเกิดเหตุมีชายคนหนึ่งสวมหมวกไอ้โม่งแล้วทับด้วยหมวกกันน็อคขี่รถจักรยานยนต์ มาสอบถามเส้นทางว่าถนนเส้นนี้ไปไหนได้บ้าง สอบถามว่าในละแวกนี้มีบ่อน้ำที่ตกปลาที่เจ้าของที่ไม่หวงหรือไม่ ซึ่งชาวบ้านบอกว่ามีลักษณะตรงกันหรือใกล้เคียงกับคนร้ายที่อยู่ในกล้องวงจรปิด แต่ไม่เห็นหน้า พูดภาษากลาง พูดไทยชัด ส่วนรถจักรยานยนต์ก็คุ้นตาเหมือนเคยเห็นคนแถวบ้านขับ และเคยเห็นคนในหมู่บ้านใกล้เคียงเคยขี่มาซื้อของที่บ้าน อาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้
“ตอนนี้รู้สึกดีใจที่คดีความคืบหน้า หาหลักฐานผูกโยงกับคนร้ายได้บ้างแล้ว อยากเจอคนร้ายอยากถามถึงสาเหตุที่ทำกับแม่ของตนเช่นนี้ และจะยังไม่เผาศพแม่จนกว่าจะจับคนร้ายได้”น.ส.ศศิภากล่าว
ในทางคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า หลังจากพบหลักฐานทั้งรถและหมวกกันน็อคแล้วนั้น ในวันนี้จะมีการระดมเจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำและหน่วยกู้ภัยงมหาหลักฐานเพิ่มเติมในอ่างเก็บน้ำห้วยสระคลองใหญ่ เพราะคนร้ายอาจจะทิ้งหลักฐานอย่างอื่นไปด้วย โดยตำรวจได้นำเลขตัวรถไปตรวจสอบจนทราบว่าซื้อรถมาจากร้านใด เจ้าของรถที่ซื้อคนแรกอาจไม่ใช่คนร้ายหรือมีการซื้อขายรถต่อมือกันไปแล้ว อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่
ส่วนการสอบปากคำนั้นตำรวจได้ทำการสอบปากคำไปแล้ว 7 ปาก มีทั้งญาติ ผู้เห็นเหตุการณ์ สำหรับผู้ที่มีข้อพิพาทกันนั้นตำรวจยังไม่ได้เชิญตัวมาสอบปากคำเนื่องจากยังไม่มีความเชื่อมโยงไปถึง.