xs
xsm
sm
md
lg

รมว.เกษตรฯ ชี้น้ำคือความมั่นคงของชาติ ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันบูรณาการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์








ศูนย์ข่าวศรีราชา - รมว.เกษตรฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก ชี้น้ำคือความมั่นคงของชาติ หัวใจของพื้นที่ EEC ขอความร่วมมือทุกฝ่ายบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าฤดูกาลใดไทยต้องไม่ประสบภาวะขาดแคลนน้ำ
วันนี้ (2 ก.พ.) ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออก โดยมี นายสุชาติ เจริญศรี รองอธิบดีกรมชลประทาน นายสุริยพล นุชอนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 9 ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำ ณ ห้องประชุมสำนักงานชลประทานที่ 9 จังหวัดชลบุรี

นายสุริยพล นุชอนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 9 กล่าวรายงานถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกว่า ในปัจจุบัน ข้อมูล ณ วันที่ 31 ม.ค. อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 7 แห่ง มีปริมาณน้ำรวมกัน 592 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 37 ของความจุอ่างรวมกัน อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง จำนวน 55 แห่ง มีปริมาณน้ำรวมกัน 498 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 53 ของความจุอ่างรวมกัน มีพื้นที่ประสบภัยแล้งด้านการเกษตรในเขตภาคตะวันออก ได้แก่ จ.ฉะเชิงเทรา 3 อำเภอ 5 ตำบล 16 หมู่บ้าน

โดยกรมชลประทาน ได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการช่วยกันแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในระยะเร่งด่วน ทั้งบริษัท East Water และการประปาส่วนภูมิภาคได้สนับสนุนน้ำเข้ามาเสริมในระบบปริมาณกว่า 20 ล้าน ลบ.ม. ด้านสถาบันน้ำและพลังงานเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ร่วมประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากการนิคมอุตสาหกรรมลดการใช้น้ำลงร้อยละ 10

สำหรับในส่วนของกรมชลประทาน ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจให้แก่กลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำจากทุกอ่างเก็บน้ำ โดยขอความร่วมมือให้ทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัดและเป็นไปตามแผนการจัดสรรน้ำที่วางไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย และให้มีน้ำเพียงพอตลอดฤดูแล้งนี้ต่อเนื่องไปจนถึงต้นฤดูฝนปีหน้า

นอกจากนี้ กรมชลประทานยังได้วางแผนดำเนินการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในระยะยาว ด้วยการดำเนินโครงการผันน้ำจากพื้นที่จังหวัดจันทบุรีไปยังแหล่งกักเก็บน้ำจังหวัดระยอง โดยการผันน้ำจากคลองวังโตนด จ.จันทบุรี ไปยังอ่างเก็บน้ำประแสร์ จ.ระยอง ผ่านท่อส่งน้ำระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตร พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ จำนวน 9 เครื่อง อัตราการสูบ 5 ลบ.ม.ต่อวินาที ดำเนินการสูบผันน้ำเฉพาะช่วงฤดูฝน โดยมีระยะเวลาการสูบน้ำ 5 เดือน ตั้งแต่เดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนตุลาคม ปริมาณน้ำประมาณ 70 ล้าน ลบ.ม.

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เผยว่า ให้ทุกภาคส่วนบูรณาการร่วมกันบริหารจัดการน้ำที่ดี มีแผนบริหารจัดการน้ำที่ชัดเจน รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน เกษตรกร และภาคอุตสาหกรรมใช้น้ำอย่างมีคุณค่า เพื่อให้มีน้ำเพียงพออุปโภคบริโภคไปตลอดจนช่วงฤดูแล้งนี้

“อยากให้ทุกภาคส่วนในพื้นที่ภาคตะวันออก มาร่วมกันคิด วางแผนการบริหารจัดการน้ำอย่างไรให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ โดยที่ไม่ต้องมาคิดกันเพียงแค่ช่วงหน้าแล้ง และรอฝนเพียงอย่างเดียว แต่เราจะทำอย่างไรให้สามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนไว้ให้เพียงพอ ซึ่งอาจจะต้องเพิ่มแหล่งเก็บน้ำ เพื่อให้เก็บน้ำไว้ใช้ตลอดฤดูกาล ไม่ว่าฝนจะทิ้งหรือหรือไม่ตกต้องตามฤดูกาล เราต้องมีน้ำใช้

สำหรับพื้นที่ภาคตะวันออก หรือพื้นที่ EEC น้ำถือเป็นเรื่องของความมั่นคง ซึ่งความมั่นคงของชาติมีหลายเรื่อง สำหรับพื้นที่ในภาคตะวันออก หรือพื้นที่ EEC หากขาดน้ำ นอกจากประชาชน และพื้นที่เกษตรที่จะเดือดร้อนแล้ว โครงการทั้งหมดใน EEC จะเดินหน้าได้อย่างไร น้ำถือเป็นความมั่นคงของภูมิภาคนี้ ต้องมีการเตรียมการล่วงหน้า ไม่ใช่แค่ปีเดียว แต่ต้องมีการวางแผนล่วงหน้าให้ชัดเจนและรัดกุม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนและการพัฒนาประเทศ










กำลังโหลดความคิดเห็น