xs
xsm
sm
md
lg

น่าชื่นชม! โลกโซเชียลสานฝันลุงวัย 56 แห่โอนเงินเป็นทุนเรียนจบปริญญา-สุดรันทดหนักบ้านมีแต่หลังคาไม่มีน้ำ-ไฟ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พิษณุโลก - ลุงชาวพิษณุโลกวัย 56 ปีเก็บเงินกว่า 10 ปีเพื่อเรียนมหาวิทยาลัย ขึ้นปี 2 เทอม 2 เงินหมดขอลาออก แต่กลุ่มอาจารย์นำเรื่องไปโพสต์ลงโซเชียล จนมีผู้ใจบุญโอนเงินช่วยเหลือเป็นทุนการศึกษาล้นหลามจนคาดว่าสามารถเป็นค่าเทอมจนเรียนจบหลักสูตรได้ พร้อมประกาศปิดรับบริจาคไปแล้ว เพื่อนแอบตามไปถึงบ้านยิ่งสุดรันทด



วันนี้ (30 ม.ค. 63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีเพจเฟซบุ๊กของสาขาวิชาภาษาไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้โพสต์เรื่องราวของนักศึกษารายหนึ่ง คือ นายวิรัชชัย สงวนสิน หรือลุงนัอย อายุ 56 ปี นักศึกษาภาคเสาร์-อาทิตย์ สาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และเป็นนักศึกษาที่อายุมากที่สุดในชั้นเรียน ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 เทอม 2 แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียนจึงเดินทางมาพบอาจารย์ที่ปรึกษาและแจ้งอาจารย์ว่าจะขอลาออกเนื่องจากไม่มีค่าเทอมแล้ว สร้างความตกใจให้แก่คณะอาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นเป็นอย่างมาก เพราะว่าลุงน้อยมีความตั้งใจเรียนดีและมีความตั้งใจที่จะเรียนให้จบเพื่อรับใบปริญญาตามความฝันที่หวังไว้ เพราะปริญญาคือเป้าหมายในชีวิตลุง จึงนำเงินที่ได้จากการสะสมเก็บหอมรอมริบขณะไปทำงานมาเป็นค่าเทอมตั้งแต่ปีแรกจนถึงวันนี้เงินไม่มีเหลือ

ล่าสุดคณะอาจารย์ลงเรื่องราวของลุงน้อยในเพจเฟซบุ๊กของสาขาวิชาภาษาไทยที่ลุงน้อยเรียนอยู่ เพื่อให้ศิษย์เก่าที่มีจิตเมตตาช่วยกันบริจาคเป็นค่าเทอม ปรากฏว่าหลังจากเผยแพร่ออกไปมีผู้ให้ความสนใจเข้ามาให้กำลังใจพร้อมแชร์กันเป็นจำนวนมาก จนขณะนี้ยอดเงินในบัญชีของลุงน้อยเพียงพอเป็นค่าเล่าเรียนแล้ว คณะอาจารย์จึงขออนุญาตปิดรับบริจาคทุนการศึกษาและขอบคุณผู้ใจบุญที่ช่วยเหลือลุงน้อยให้ได้เรียนสำเร็จตามที่หวังไว้


ผู้สื่อข่าวเดินทางไปบ้านลุงน้อย ซึ่งอยู่หลังโรงเรียนวัดโคกสลุด หมู่ 2 บ้านโคกสลุด ต.บ้านไร่ อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นที่ดินเนื้อที่ประมาณ 60 ตร.ว. ปลูกสร้างลักษณะเป็นเพิงพักก่อด้วยอิฐบล็อกสูงกว่า 1 เมตร มุงด้วยสังกะสี ไม่มีฝาบ้าน มีเพียงแคร่ไม้และมุ้งใช้สำหรับนอน ไม่คุ้มแดดคุ้มฝน ไม่มีน้ำประปา ไม่มีไฟฟ้า ส่วนห้องส้วมก็ใช้งานไม่ได้ และไม่มีเลขที่บ้าน

นายวิรัชชัย สงวนสิน หรือลุงน้อย อายุ 56 ปี นักศึกษาภาคเสาร์-อาทิตย์ สาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เล่าเรื่องราวชีวิตพร้อมกับน้ำตาซึมว่า ตนเคยทำงานรับจ้างทั่วไปอยู่ที่ กทม. เป็นระยะเวลาถึง 10 ปี หลังจากนั้นก็สะสมเงินจำนวน 70,000 บาท จึงตัดสินใจกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด ส่วนพ่อกับแม่นั้นเสียชีวิตไปนานแล้ว ไม่มีครอบครัวอยู่ตัวคนเดียว และหาซื้อที่ดินปลูกบ้านเป็นเงินจำนวน 30,000 บาท ส่วนเงินที่เหลือตั้งใจเอาไว้ว่าจะเก็บไว้เรียนต่อปริญญาตรี เพราะก่อนหน้านี้เคยไปเรียน กศน.จนจบชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 จึงไปสมัครเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม อ.เมืองพิษณุโลก


โดยเลือกเรียนสาขาวิชาภาษาไทย เพราะมีความตั้งใจแต่เด็กว่าอยากจะเป็นคุณครูสอนหนังสือให้เด็กๆ ถึงแม้อายุจะล่วงมาถึงวัยกลางคนแล้วก็ไม่ได้ล้มเลิกความตั้งใจ หวังว่าจะต้องเรียนจบคว้าใบปริญญามาให้ได้ ไม่มีใครแก่เกินเรียน แต่ระยะหลังตนเองหารายได้จากอาชีพรับจ้างทั่วไปในหมู่บ้านได้น้อย จึงต้องนำเงินเก็บออกมาใช้จ่ายบ้างจนเงินไม่พอที่จะจ่ายค่าเทอมในชั้นเรียนปีที่ 2 เทอม 2 เหลือเงินติดบัญชีเพียง 20 บาทเท่านั้น และไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใคร ญาติพี่น้องก็ไม่มี ก่อนจะตัดสินใจเดินทางจากบ้านไปแจ้งกับอาจารย์ผู้สอนว่าจะขอลาออกดังกล่าว

ต่อมาทราบว่าอาจารย์หาทางออกให้เพื่อให้เรียนจนจบ แรกๆ จะขอทุน กยศ.จากมหาวิทยาลัยก็ไม่เข้าเงื่อนไขเนื่องจากอายุเกิน ส่วนทุนของมหาวิทยาลัยจะต้องขอพิจารณาในปีหน้า อาจารย์จึงตัดสินใจนำเรื่องราวไปโพสต์ผ่านสื่อโซเชียลกระทั่งมีกลุ่มนักศึกษาและผู้ใจบุญร่วมกันบริจาคเงินสมทบทุนการศึกษาเข้าบัญชีจำนวนหนึ่ง ขณะนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะเรียนจนจบหลักสูตรจึงขอปิดรับบริจาค ถ้าหากเงินที่ได้รับบริจาคมาเพียงพอเหลืออยู่ก็จะนำไปเป็นทุนการศึกษาให้กับรุ่นน้องคนอื่นๆ


ด้านนายสุทธินันท์ สีกะพา หัวหน้าห้องเรียนของลุงน้อย บอกว่า เห็นลุงน้อยเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ปี 1 แล้วและวันหนึ่งก็ชักชวนเพื่อนในห้องแอบตามลุงน้อยมาดูบ้านพัก เนื่องจากสงสัยว่าทำไมลุงน้อยไม่ค่อยพูดถึงบ้านของตนแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากที่ได้เห็นบ้านของลุงน้อยแล้วรู้สึกสงสารเป็นอย่างมาก ซึ่งตนเองก็ได้ไปปรึกษาอาจารย์ประจำคณะ และเพื่อนที่คณะเทคโนโลยีฯ เพื่อที่จะหาทางนำแผงโซลาร์เซลล์มาติดตั้งให้ใช้ไฟฟ้าไปก่อน และจะหาวิธีช่วยกันซ่อมแซมบ้านที่อยู่ให้มิดชิดอีกครั้ง


กำลังโหลดความคิดเห็น