"นุ๊ก สุทธิดา" เผยความภูมิใจในตัวลูกชาย ก่อนแฉอดีตผัวไม่เคยส่งเงินค่าเลี้ยงดูให้ ทั้งที่เคยสัญญาจะให้ และต้องให้ตามกฎหมาย ซัดไม่สงสารลูก
กลายเป็นประเด็นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากที่ "นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา" โพสต์ข้อความในอินสตาแกรมชื่นชม "น้องปาแปง" ที่ได้รับรางวัลเป็นเด็กเรียนดี แต่ขณะเดียวกันก็ทิ้งท้ายถึงอดีตสามีทำนองว่าไม่เคยส่งเสียค่าเลี้ยงดู รวมทั้งค่าเทอม ทั้งที่ตามกฎหมายต้องช่วยกันดูแล ซึ่งนุ๊กก็ได้ชี้แจงประเด็นดังกล่าว
"เรื่องน้องได้รางวัล คือที่โรงเรียนทุกเทอมเขาจะแจกรางวัลให้กับเด็ก เป็นการสรุปว่าแต่ละเทอมเด็กมีพัฒนาการยังไง มีทั้งพัฒนาการเรื่องคะแนน ทั้งพัฒนาการเรื่องการเติบโต ก็ถือว่าเป็นกำลังใจให้เด็กๆ และเป็นกำลังใจให้คุณแม่ด้วย เพราะนุ๊กไม่เคี่ยวเข็ญลูกเรื่องเรียนเลย อยากให้เล่นกีฬา อยากให้ทำกิจกรรมมากกว่า แต่พอเราไม่ได้เคี่ยวเข็ญเขา แล้วเขาพยายามด้วยตัวเองเราก็รู้สึกภูมิใจค่ะ"
"เรื่องไปโรงเรียนเขาก็เหมือนเราไปแอบสืบ (หัวเราะ) ถามตั้งแต่ครู ห้องพยาบาล ไปถึงโรงอาหาร สหกรณ์โรงเรียน คือเราก็อยากรู้ว่าลูกเรามีแฟนหรือเปล่า เดินกับสาวหรือเปล่าคะ (หัวเราะ) เห็นขาบอกว่ามีทักทาย แต่ไม่ได้เดินมากับสาว ก็หวงลูกชายสิคะ (หัวเราะ)"
ลั่นเรื่องจ่ายค่าเทอมคนเดียว แค่อยากให้รู้ว่าความสำเร็จของลูก มาจากความเหนื่อยของแม่
"จริงๆ ก็เลี้ยงดูเขามาตั้งนานแล้ว ไม่ได้คิดอะไร เพียงแต่ว่าอยากให้วันนึงที่เราโพสต์ไปเพราะเราชื่นชมในตัวเขา และอยากให้รู้ว่าทั้งหมดทั้งมวลแม่เหนื่อยมากนะ และนุ๊กก็เชื่อว่าที่เขาตั้งใจเรียน เพราะเขารู้ว่าเราเหนื่อยมาก และนุ๊กก็อยากให้เขาระลึกอยู่เสมอเพื่อที่จะเป็นแรงผลักดันให้เขาเดินต่อไป"
"แต่โดยส่วนตัวของเรามันก็ลำบากอยู่แล้วล่ะ คนที่เป็นแม่ทุกคนเลี้ยงลูก ต่อให้มีคุณพ่อช่วยก็ตาม แต่คนไหนที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมันจะโดนใจมาก เพราะบางทีมันเหนื่อยมากจริงๆ ทำงานตั้งแต่ในบ้าน นอกบ้านซักผ้า รีดผ้า หาอาหารให้ลูก ทำทุกอย่าง เราก็ต้องขอบคุณเขานะคะที่เขาทำให้เรารู้จักชื่นชมตัวเอง เพราะเราก็ไม่คิดว่านุ๊ก สุทธิดา เด็กก๊องแก๊งคนนึงวันนึงจะมีมานะได้ขนาดนี้ แต่บางทีก็แอบมีคิดเหมือนกันนะ คือพอหาเงินได้ก้อนนึงแล้วไปจ่ายค่าเทอมนี่มันวูบเลยนะคะ บางทีก็มองหน้าลูกแล้วก็คิดว่าแกเป็นใคร มาใช้เงินฉันได้ยังไง (หัวเราะ)"
อดีตสามีต้องจ่ายตามกฎหมาย มาคุย มาถาม แต่ไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ
"จริงๆ มันก็ตามกฎหมายนะคะ ที่พูดก็คือเราอยากจะให้รู้ว่ามันไม่มีกฎหมายรองรับ จริงๆ ก็คงไม่ใช่แค่เราครอบครัวเดียว ก็คงเป็นหลายๆ ครอบครัว กฎหมายก็คือพ่อและแม่ต้องช่วยกันอุปการะลูก ถามว่าเขาได้ติดต่อพูดคุยกับเราเรื่องนี้ไหม ก็ไม่รู้นะคะ ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับโพสต์หรือว่าลูกอ่านแล้วลูกไปคุยก็ไม่รู้นะคะ เขาก็มีมาคุยๆ บ้างเหมือนกัน แต่ยังไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออะไรนะคะ เขาก็มาคุยๆ มาถามๆ ถามว่าเราคาดหวังให้เขาช่วยไหม คือถ้าเขาช่วยเราก็รู้สึกแฮปปี้นะคะ ว่าเขายังรักลูก เขายังมีความเป็นห่วงเป็นใยลูก"
ไม่ได้ตั้งใจบอกอีกฝ่าย แค่อยากผลักดันลูก ยังไม่ฟ้องเพราะยังไหวนอกจากเจ็บป่วยล้มตายค่อยว่ากัน
"เป็นการผลักดันลูกมากกว่า เพราะว่าเราเลิกกันมาเป็น 10 กว่าปีแล้วนะคะ เราไม่ได้หวังขนาดนั้นหรอก เพราะว่ามันคงยากนอกจากจะไปฟ้องร้อง ถ้าจะมาหวังมันคงมีตั้งแต่ปีแรกๆ แล้ว จนเขาโตจะ 18 แล้ว ถามว่าจะฟ้องไหม ตอนนี้ยังนะคะ เพราะเรายังรู้สึกว่าเราส่งไหว แต่ถ้าวันนึงเราเจ็บป่วยล้มตายก็ค่อยว่ากัน (หัวเราะ)"
คุยผ่านคุณแม่ ลูกไปหาพ่อไม่เกินปีละ 3-4 ครั้ง
"จะเป็นคุณแม่คุยค่ะ เป็นการนัดเจอ นานๆ เขาก็อยากจะมารับลูก นุ๊กก็ไม่ได้ห้ามนะคะ อยากจะให้ลูกไปเจอ เพราะเราสังเกตได้เลยจากความเป็นแม่ ทุกครั้งที่ลูกกลับมาจากบ้านฝั่งคุณพ่อ เขาจะมีความรู้สึกคิดถึงมากจนเราดูรู้เลย ปีโป้จะคุยทุกอย่างให้ฟังที่ปกติเด็กผู้ชายเขาจะไม่ค่อยคุยอะไร แต่เขาก็จะเล่าว่าอาม่าซื้ออันนั้นอันนี้ให้กิน ป๊ะป๋าทำอันนี้ให้อะไรอย่างนี้ หรือเวลาเราไปทำงานเขาก็จะโทร.มาเล่าให้ฟังยาวเลย ถามว่าเขาได้ไปหาพ่อบ่อยแค่ไหน โดยเฉลี่ยก็น่าจะปีละไม่เกิน 3-4 ครั้งค่ะ ส่วนมากก็จะนัดรับกันค่ะ"
"คือเวลาเราดูลูกคนเดียวมันก็ไม่ได้มีเวลาไปหาเงิน 100% เพราะต้องทั้งหาเงินและแบ่งเวลาอยู่กับเขาตามที่เขาต้องการ เพราะบางทีเด็กก็โตเป็นหนุ่มแล้ว เขามีช่วงเวลาที่เขาต้องการเรา เราก็ไม่อยากให้เขาไปได้ตรงนี้จากเพื่อนๆ เขาควรจะได้จากเรา ก็ต้องหาเวลาทำงาน หาเวลาอยู่กันเขาและดูแลบ้านด้วย ถ้าถามว่าหนักหน่วงไหมก็ไม่เบานะคะ (หัวเราะ)"
ที่ผ่านมาไม่เคยเรียกร้อง น้อยใจแทนลูกไม่สงสารลูก
"ไม่ค่ะ คือตั้งแต่แรกๆ มันจะมีสัญญากันว่าเขาจะต้องดูแลลูกเป็นจำนวนเท่านี้เท่านั้น แต่เรายังไม่เห็นนะคะ ถามว่าโกรธน้อยใจไหม มันก็มีบ้างตอนที่เหนื่อยๆ แต่ไม่ได้โกรธเขา เพราะว่ามันจบลงไปแล้ว แต่แค่น้อยใจแทนลูกว่าไม่ห่วงเหรอ ไม่สงสารเหรอ แล้วถ้าเกิดว่าเราไม่มีแรงส่งจริงๆ ล่ะ ลูกจะอยู่ในสภาพไหน"
"เราก็ไม่เคยถามค่ะว่าทำไมเขาถึงไม่ส่ง แต่ทุกความเหนื่อยมันจะหายไปทันทีที่เวลาเราอยู่กับ 3 หนุ่ม เวลาที่เขาทำอะไรให้เราเห็น อย่างเช่นได้รางวัลอย่างนี้ มันทำให้เรารู้ว่าเราจะทำอะไรเพื่อใคร ก็ภูมิใจในลูกและภูมิใจในตัวเองด้วยค่ะ (หัวเราะ)"