xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าหน้าที่สนธิกำลัง กว่า 70 นาย ลุยยึดไม้สัก 254 ท่อน ค่ากว่า 1 ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาญจนบุรี - ป่าไม้สนธิกำลัง ตร.ปทส.ทหาร -ตชด.กว่า 70 นาย ลุยยึดไม้สัก 254 ท่อน ค่ากว่า 1 ล้านบาท เผย จนท.ถูกขู่แจ้งความหากบุกรุก ผู้รับมอบอำนาจชี้เจ้าของเป็นเพียงชาวบ้านจึงไม่รู้กฎหมาย สุดท้ายหลุดปาก เจ้าของเป็นถึงข้าราชการครูเมืองย่าโม

วันนี้( 22 ม.ค.) นายไพโรจน์ เขียวแก้ว หัวหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.1 (ท่าเสา) ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศราณุ โสมทัต ผกก.5 บก.ปทส. พ.ต.ต.บรรลพ สมพงษ์ สว.กก.5 บก.ปทส.ร.ท.ไพฑูรย์ ทองสุข หัวหน้าหน่วยดูแลรักษาพื้นที่เกษตรกรรมบ้านทุ่งก่างย่าง พล.ร.9

รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่กองร้อย ตชด.ที่ 136 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรโยค เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.ภาค 7 เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดกาญจนบุรี สนธิกำลังกว่า 70 นาย นำรถบรรทุก 10 ล้อ รวมทั้งรถเครน ไปเคลื่อนย้ายไม้สักท่อนที่ตรวจยึดเอาไว้ตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 254 ท่อน ซึ่งไม้สักท่อนจำนวนดังกล่าวอยู่บริเวณป่าหลังวัดท่าทุ่งนาฤทธาราม หมู่ 2 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

โดยระหว่างการเคลื่อนย้ายประกฎว่ามีนายขจร ทองสุก อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143 หมู่ 4 ต.ไทรโยค มาพบกับคณะเจ้าหน้าที่ พร้อมกับแจ้งว่าได้รับมอบอำนาจจากกรณ์ (นามสมมุติ) เจ้าของไม้สักและผู้ครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าว ให้มาชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ โดยมีหนังสือการมอบอำนาจมาด้วย


สำหรับหนังสือมอบอำนาจเขียนขึ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค.63 ระบุว่า “ได้มอบอำนาจให้นายขจร ทองสุข ดูแลทรัพย์สินที่อยู่ในพื้นที่ ภ.บ.ท.5 ที่ดินตั้งอยู่หน่วยที่ 1 หน้าสำรวจที่ 327/57 หมู่ที่ 2 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และหากมีผู้ใดละเมิด บุกรุกในชั้นนี้ดังกล่าว ขอมอบให้นายขจร ทองสุก เป็นผู้แทนดำเนอนคดีตามกฎหมาย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม ถึงวันที่ 8 มีนาคม 2563 แทนข้าพเจ้าได้จนเสร็จ

การใดที่นายขจร ทองสุกผู้รับมอบอำนาจได้กระทำไปตามหนังสือมอบอำนาจฉบับนี้แล้ว ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบโดยถือเสมือนว่าข้าพเจ้าเป็นผู้กระทำเองทั้งสิ้น เพื่อเป็นหลักฐานข้าพเจ้าได้ลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ลายนิ้มมือ ไว้เป็นสำคัญต่อหน้าพยานแล้ว ลงชื่อนายกรณ์...ผู้รับมอบอำนาจ”

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมาระหว่างที่นายไพโรจน์ เขียวแก้ว หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.1(ท่าเสา)กับเจ้าหน้าที่กำลังทำการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวอยู่นั้น ได้มีชายลึกลับโทรศัพท์เข้ามาหา พร้อมกับแจ้งว่าจะแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่บุกรุกเข้ามาตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวทั้งหมด แต่ชายคนดังกล่าวไม่ได้แสดงตนว่าเป็นใคร

ต่อมาช่วงเช้าวันนี้ (22 ม.ค.63) นายไพโรจน์ ชายที่ไม่รู้จักเข้ามาในพื้นที่ จึงลองโทรศัพท์เข้าเบอร์ที่โทรมาหาวานนี้ ผลประกฎว่า บุคคลดังกล่าวนั้นคือนายขจร ทองสุก ดังนั้นนายไพโรจน์ จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทุกนายทราบ และได้มีการพูดคุยถึงที่ไปที่มา พร้อมอธิบายข้อกฎหมายโดยละเอียดให้นายขจร รับฟังจนเข้าใจ

นายไพโรจน์ เขียวแก้ว หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.1(ท่าเสา) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา นายสมชาย เปรมพาณิชย์นุกูล ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่10(ราชบุรี)ได้รับแจ้งจากผู้หวังดี (ไม่ประสงค์ออกนาม) ว่ามีขบวนการลักลอบตัดโค่นไม้สักเป็นจำนวนมาก ที่บริเวณป่าหลังวัดท่าทุ่งนาฤทธาราม พื้นที่หมู่ 2 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

หลังจากได้รับแจ้งนายสมชาย จึงสั่งการให้ตน สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.19(บ้องตี้) เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษศูนย์ป่าไม้กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5.บก.ปทส.เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอไทรโยค รวมทั้งผู้นำท้องที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปตรวจสอบบริเวณที่ได้รับแจ้ง เพื่อปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ในพื้นที่รับผิดชอบ

เมื่อคณะเจ้าหน้าที่ไปถึงพบไม้สักขนาดใหญ่ถูกโค่นและนำมาตัดทอนเป็นท่อน กระจายเป็นบริเวณกว้าง บนเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ คณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจสอบที่ไม้ ปรากฏว่าไม่พบรูปรอยดวงตราของเจ้าหน้าที่ตีประทับเอาไว้เพื่อแสดงสัญลักษณ์การอนุญาตแต่อย่างใด

จากการสอบถามนายสายชล กาวงษ์ ตำแหน่งสารวัตรกำนัน ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ เอกสารใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ หรือให้ (ภ.บ.ท.5)และได้ทำการซื้อขายเปลี่ยนมือกันหลายทอดแล้ว จึงไม่ทราบว่าปัจจุบันนี้ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นของผู้ใด

สำหรับไม้สักนั้นปลูกเอาไว้ในที่ดินที่เป็นใบ ภ.บ.ท.5 ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐ ไม่สามารถตัดโค่นต้นไม้ได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 และ 69 จากนั้นจึงได้ร่วมกันจัดทำบันทึกการสืบสวนเบื้องต้น เพื่อนำไปลงประจำไว้เป็นหลักฐาน ที่ สภ.ไทรโยค

ส่วนไม้ของกลาง เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจนับและวัดขนาด รวมทั้งทำบัญชีและคิดคำนวณค่าเสียหาย พร้อมตีตราประทับไว้เพื่อแสดงการตรวจยึด จากนั้นจะทำการเคลื่อนย้ายไม้สักทั้งหมดไปเก็บไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.1(ท่าเสา) แต่เนื่องจากในวันดังกล่าวท้องฟ้ามืดลงเสียก่อนจึงไม่ได้เคลื่อน ตนและคณะเจ้าหน้าที่จึงจัดเวรยามเฝ้าของกลางเพื่อรอการขนย้ายในวันนี้ (22 ม.ค.63)

สำหรับไม้สักที่ตรวจยึดในครั้งนี้มีอายุประมาณ 20-30 ปี ไม้ท่อนนับรวมกันได้ จำนวน 254 ท่อน ซึ่งแต่ละท่อนถูกตัดทอนเป็นท่อน มีความยาวตั้งแต่ 1 เมตร 2 เมตร 4 เมตร 6 เมตร 8 เมตร และ 12 เมตร เส้นรอบวงกลมอยู่ที่ประมาณ 120 เซนติเมตร ถึง 240 เซนติเมตร ลักษณะคล้ายจะนำไปทำเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งขณะนี้คณะเจ้าหน้าที่กำลังทำการวัดปริมาตรของไม้ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ แต่คาดว่าจะมีราคารวมกันไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท

โดยนายไพโรจน์ ได้กล่าวฝากเตือนไปถึงชาวบ้านว่า อยากเรียนให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบว่า ที่ทางการอนุญาตให้ตัดไม้ได้นั้น พื้นที่ที่ปลูกจะต้องเป็นที่ดินที่ได้มาตามกรรมสิทธิ์ตามกฎหมายที่ดิน คือจะต้องมีเอกสารสิทธิเป็น น.ส.3 น.ส.3 ก.ไปจนถึงที่ดินที่เป็นโฉนด ส่วนต้นไม้ที่ปลูกอยู่ในพื้นที่เอกสารใบ ภ.บ.ท.5 หน่วยงานรัฐยังไม่อนุญาตให้ตัดโค่นได้ หากสงสัยก็ขอให้ไปสอบถามได้ที่ศูนย์ป่าไม้จังหวัด หรือหน่วยป่าไม้ที่อยู่ใกล้พื้นที่

ด้านนายขจร ทองสุก ผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของที่ดิน กล่าวว่า เรื่องของเรื่องเจ้าของไม้ปลูกไม้เอาไว้เมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว ปลูกเอาไว้ตั้งแต่ต้นเท่านิ้วก้อยจนโตถึงขนาดนี้ และเขาต้องการเอาที่แปลงนี้ไปทำอย่างอื่น จึงตัดไม้สักออก และนำมาวางเอาไว้โดยรอบที่ เพื่อเตรียมที่จะสร้างบ้าน เพราะเขาคิดว่าเขาปลูกเอาไว้เอง ซึ่งเขาเป็นชาวบ้านธรรมดา จึงอาจจะไม่รู้กฎหมาย ด้วยความสะเพร่าจริงๆ จึงทำให้เราทำผิดกฎหมายลงไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าของที่เป็นใคร”นายขจร ตอบว่า เป็นอาจารย์ อยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งขณะนี้ยังรับราชการอยู่ เมื่อเขาทราบเรื่องจึงให้ตนมาดู แต่ตนก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย เพียงมาดูให้เฉยๆ








กำลังโหลดความคิดเห็น