ศูนย์ข่าวศรีราชา - เจออีก! มิจฉาชีพแฮกไลน์เพื่อนสนิทหลอกยืมเงิน ล่าสุด สาวเจ้าของร้าน “บิวที่ วิสดอม คลินิกเวชกรรม” จ.ชลบุรี ถูกหลอกโอนเงินกว่า 3 หมื่นบาท พบมีผู้เสียหายแบบเดียวกันทั่วประเทศอีกกว่า 50 ราย ค่าเสียหายกว่า 1.3 ล้านบาท เตรียมรวบรวมข้อมูลร้อง ตร.กองปราบเร็วๆ นี้
วันนี้ (6 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.สิรัชชา ธนจันทร์ดารา อายุ 32 ปี เจ้าของ “บิวที่ วิสดอม คลินิกเวชกรรม” ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี ว่า ถูกมิจฉาชีพหลอกแฮกไลน์เพื่อนสนิทส่งข้อความมาให้ช่วยเคลียร์บิลเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 35,587 บาท และให้โอนเงินไปยังปลายทางที่ 123 เซอร์วิส ซึ่งตนเองหลงเชื่อจึงโอนเงินจำนวนดังกล่าวให้ไป
แต่มารู้ภายหลังว่าถูกหลอกก็เมื่อโทรศัพท์ไปสอบถามเพื่อนสนิทซึ่งเป็นเจ้าของไลน์ดังกล่าว จนทราบว่าไม่ได้มีการส่งข้อความขอให้ช่วยโอนเงินแต่อย่างใด ซึ่งหลังเกิดเหตุได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสม็ด เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
น.ส.สิรัชชา บอกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งตนเองได้รับข้อความทางไลน์จากเพื่อนสนิทที่มารู้ภายหลังเป็นการหลอกลวงจากกลุ่มมิจฉาชีพ ซึ่งอ้างว่ากำลังเดือดร้อนเรื่องเงินและขอให้ช่วยเคลียร์บิลจำนวน 4 ครั้ง รวมเป็นเงิน 35,587 บาท ซึ่งที่ผ่านมาตนเองไม่เคยให้เพื่อนคนดังกล่าวยืมเงินจึงหลงเชื่อว่าน่าจะเดือดร้อนจริง ซึ่งครั้งแรกได้ส่งข้อความมาบอกว่าต้องการให้ช่วยเคลียร์บิลก่อนเวลา 22.00 น.เป็นเงินจำนวน 7,429 บาท
จากนั้นยังส่งข้อความให้ช่วยเคลียร์บิลที่ 2 เป็นเงินจำนวน 8,900 บาท บิลที่ 3 อีกจำนวน 13,000 บาท และบิลที่ 4 อีกจำนวน 6,258 บาท
“ก่อนจะให้โอนเงินมิจฉาชีพยังทำทีโทรศัพท์ผ่านแอปพลิเคชันไลน์เข้ามาหาแต่ไม่ยอมพูดอะไร เมื่อโทรศัพท์กลับไปก็ไม่รับ และมิจจาฉีพยังแจ้งกลับผ่านข้อความทางไลน์อ้างว่านำโทรศัพท์ไปล้างข้อมูลจนทำให้ข้อมูลหายหมด กระทั่งเริ่มเอะใจจึงโทรศัพท์ไปถามเพื่อนอีกครั้งจนรู้ว่าถูกหลอก”
น.ส.สิรัชชา ยังเผยอีกว่า หลังเกิดเหตุตนเองได้นำเรื่องราวดังกล่าวโพสต์เตือนภัยในเฟซบุ๊ก กระทั่งมีเหยื่อที่ถูกหลอกในลักษณะเดียวกันอีกว่า 50 ราย และเตรียมที่จะเดินทางเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) และตำรวจกองปราบ ในเร็วๆ นี้อีกด้วย
เช่นเดียวกับ น.ส.ศรัณญา จันทนาคร อายุ 34 ปี ผู้เสียหายอีกรายที่บอกว่าถูกหลอกให้โอนเงินในลักษณะเดียวกัน จนได้รับความเสียหายถึง 55,200 บาท ซึ่งเงินที่ถูกหลอกให้โอนเป็นเงินสะสมก้อนสุดท้ายที่ตนเองมี แต่เนื่องจากเห็นว่าเพื่อนเดือดร้อนจึงอยากช่วยเหลือ
ที่สำคัญยังเป็นเงินที่ใช้สั่งซื้อสินค้าและเมื่อถูกยกเลิกคำสั่งซื้อยอดเงินดังกล่าวยังจะถูกเข้าเป็นเงินวอร์เล็ตคืนให้มิจฉาชีพอีกด้วย
เบื้องต้น ได้มีการแจ้งความไว้ที่ สน.หัวหมาก แล้วเช่นกัน พร้อมอยากขอร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสืบหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว ซึ่งขณะนี้ได้มีการรวบรวมรายชื่อผู้ที่ถูกหลอกกว่า 50 รายทั่วประเทศ มูลค่าความเสียหายกว่า 1.3 ล้านบาท เตรียมเข้าร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อไม่ให้มิจฉาชีพกลุ่มนี้ไปก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นอีก