xs
xsm
sm
md
lg

แบกหนี้! กู้ส่งลูกเรียนมหาวิทยาลัยไม่ไหว พ่อทุบหัวฆ่าลูกเมียก่อนผูกคอตายยกครัว 4 ศพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อุดรธานี - สุดสลด! พ่อทุบศีรษะฆ่าเมียและลูกสาว 2 คนตายสยองคาบ้านก่อนจะแขวนคอตายตามใต้ต้นมะม่วงหน้าบ้าน เขียนจดหมายขอโทษที่ต้องฆ่ายกครัวเพราะทนแบกรับหนี้สินที่ไปกู้มาส่งลูกสาวทั้งคู่เรียน มข.ไม่ไหว ตัดพ้อทิ้งท้ายชีวิตไม่มีทางออก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 06.30 น. วันนี้ (5 ม.ค. 63) ร.ต.อ.อดุล ขาวขำ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เพ็ญ จ.อุดรธานี รับแจ้งเกิดเหตุฆ่ายกครัว 4 ศพ ที่บ้านเลขที่ 260 หมู่ 1 ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ศักดา เหมือนโพธิ์ รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.ชลิต ศรีหานู ผกก.สภ.เพ็ญ พ.ต.อ.บรรจบ ศรีหานาวี ผกก.สอบสวน ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.ท.วัชราภรณ์ วายโศกา สว.พิสูจน์หลักฐานอุดรธานี นายณฐพล วิถี นายอำเภอเพ็ญ แพทย์เวร โรงพยาบาลเพ็ญ อาสากู้ภัยสว่างเมธาธรรม รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ 2 ชั้น มีชาวบ้านพากันมุงดูใต้ต้นมะม่วงติดรั้วหน้าบ้าน พบศพ นายไทยสาน ซ่อนชัย อายุ 50 ปี ใช้เชือกไนลอนสีเขียวผูกคอกับกิ่งมะม่วง เมื่อเดินเข้าประตูหลังบ้านซึ่งเป็นครัวบหยดเลือดเป็นทาง ในห้องโถงชั้นล่างพบศพ นางวัชราภรณ์ ซ่อนชัย อายุ 50 ปี น.ส.คชาภรณ์ ซ่อนชัย อายุ 23 ปี และ น.ส.ศศิธร ซ่อนชัย อายุ 19 ปี เมียและลูก นอนตายจมกองเลือด พบท่อนไม้ยาวประมาณ 50 ซม. วางอยู่ข้างศพ และถาดใส่ดอกไม้ธูปเทียนและขวดน้ำตั้งอยู่ปลายเท้าทั้ง 3 ศพ เป็นภาพที่เห็นแล้วสะทือนใจเป็นอย่างมาก


จากการชันสูตรทั้ง 3 ศพถูกทุบด้วยของแข็งบริเวณศีรษะทำให้มีบาดแผลฉกรรจ์ลึกถึงกะโหลก และนิ้วมือข้างซ้ายศพ น.ส.คชาภรณ์ แตกและหัก แพทย์ระบุทั้งหมดเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 6 ชม. นอกจากนี้ยังพบผ้าขาวม้าผูกกับขื่อหลังคาหน้าห้องน้ำ ชั้นวางรองเท้ากระจัดกระจาย และพบจดหมายเขียนด้วยลายมือนายไทยสาน เขียนใส่กระดาษปฏิทินขนาดใหญ่ วางอยู่หน้าห้องน้ำ ใจความว่า

….1. ชีวิตที่ล้มเหลว ผมขอโทษพี่น้องที่ทำลำบากใจมาตลอด เป็นหนี้ทุกคน เพราะผมมันจน เป็นหนี้ทุกคนเพราะรักลูกๆ พาตั้งใจเรียน ผมเลยกู้ยืมทุกอย่าง คิดว่ามันจะรอด จบมาได้ทำงานเลยจะมาช่วยน้อง แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ รถยนต์ติดไฟแนนซ์ เหลือประมาณ 60,000 บาท ใบนาเอาไปจำนำไว้อำเภอเพ็ญ ตรงข้ามโลตัส 5,000 บาท ตึกสีชมพูไปติดต่อเขาดู เผื่อเขาให้ไถ่คืนเสียดาย ขอโทษญาติทุกคน เพื่อนทุกคน ที่ตัดสินใจแบบนี้ ลูกกลับปีใหม่ จะกลับไปเรียนไม่มีเงินให้ลูกกลับไปเรียน ขอโทษพ่อตาแม่ยายด้วยที่ต้องจบชีวิตครอบครัวแบบนี้ เพราะไม่มีทางออกจริงๆ

2. ถึงอี๊ดไม่ใช้หนี้ และพี่เพลิน รวมทั้งไปงานปีใหม่ เขาก็มีแต่พูดให้ ขอบคุณน้าอันที่เข้าใจ และให้กำลังใจมาตลอด เงินค่าหวยให้จวบตามกลับให้เลย 3. เพื่อนร่วมงานมีแต่คนดีๆ เราขอโทษที่ทำรับหนี้แทนเรา ลูกมาปีใหม่จะกลับไปเรียน มข. มีเงิน 8,000 บาท ทอง 1 สลึงไม่รู้อยู่ไหน ลูกเราเรียนเก่งแต่ไม่มีงานทำ หมุนอย่างไรก็ไม่พอ เงินเดือนไม่พอรายจ่าย เพราะเราสร้างเองและรักลูก ลูกเราเรียนดี ไม่เคยทำให้ผิดหวังในการเรียน ให้อี๊ดเป็นธุระงาน”




สอบสวนนายบุญจันทร์ แสนเหมทอง อายุ 76 ปี พ่อตา ให้การว่า นายไทยสาน และนางวัชราภรณ์ ลูกเขยและลูกสาว ทำงานเป็นลูกจ้างประจำอยู่ที่ศูนย์หม่อนไหมเขต 4 อำเภอเพ็ญ ส่วน น.ส.คชาภรณ์ เพิ่งเรียนจบคณะเทคโนโลยีอาหาร มหาวิทยาลัยขอนแก่น ส่วน น.ส.ศศิธร กำลังเรียนอยู่ชั้นปี 1 มหาวิทยาลัยขอนแก่น ลูกเขยเป็นคนดี รักลูกรักเมียมาก ไม่เคยให้ลูกเมียลำบาก ส่งเสริมให้ลูกเรียนสูงๆ

ซึ่งตนเคยยกมรดกเป็นที่นาให้ แต่ก็นำไปขายส่งลูกเรียน และกู้เงินในระบบประมาณ 2 ล้านมาส่งลูกเรียนมหาวิทยาลัยทั้งสองคน แต่ถ้าหากดื่มเหล้านิสัยก็จะเปลี่ยนไป อาจจะวู่วามไม่ยอมใคร แต่เคยมาบ่นให้ฟังว่า มีหนี้สินมากเพราะส่งลูกเรียนมหาวิทยาลัย แต่ลูกจบมายังไม่มีงานทำ ไม่เคยคิดว่าลูกเขยจะคิดสั้นแบบนี้ ถ้ามาปรึกษาพ่อแม่และญาติพี่น้องก็จะช่วยเหลือกันได้


ด้านนายณฐพล วิถี นายอำเภอเพ็ญ จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า จากการตรวจที่เกิดเหตุ และสอบสวนพยาน สรุปได้ว่าเป็นการฆาตกรรมและฆ่าตัวตาย โดยเมื่อคืนนี้ (4 ม.ค. 63) เวลา 21.00 น. นายไทยสาน หัวหน้าครอบครัว ไปซื้อเหล้าขาวและธูปเทียนที่ร้านค้าภายในหมู่บ้านมาดื่มย้อมใจ 2 ขวด ก่อนใช้ท่อนไม้รองเก้าอี้โยก ขนาดเหมาะมือ ทุบศีรษะเมียและลูกนอนจมกองเลือดตายในบ้าน แล้วจัดขันธ์ดอกไม้ธูปเทียนขอขมา แล้วเขียนจดหมายลาตาย

หลังจากนั้นใช้ผ้าขาวม้าผูกคอที่ขื่อหลังคาหน้าห้องน้ำ แต่หลังคาต่ำผู้ตายรูปร่างสูง จึงย้ายไปผูกที่ต้นมะม่วงหน้าบ้าน เช้าตรู่มีชาวบ้านขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาเห็นจึงไปเรียกญาติผู้ตายมาดู ต่างแปลกใจว่าทำไมลูกเมียไม่ออกมาดู จึงได้เข้าไปเรียกในบ้าน ก็พบลูกเมียถูกทุบศีรษะนอนจมกองเลือดตายทั้ง 3 คน ซึ่งมาจากปัญหาหนี้สินที่ไปกู้ยืมมาส่งลูกเรียนตามที่เขียนระบายในจดหมาย ซึ่งญาติทั้งสองฝ่ายไม่ได้ติดใจ จึงมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประพณีต่อไป

ขอบคุณภาพจากมูลนิธิสว่างเมธาธรรมสถาน


กำลังโหลดความคิดเห็น