อุบลราชธานี - หนุ่มโรงพยาบาลน้ำยืน จ.อุบลราชธานี อ้างไม่ได้โพสต์ภาพซากสัตว์นกเงือก และลิง มาปรุงเป็นกับแกล้มรับเคานต์ดาวน์ ยันทำโทรศัพท์หายจริง ทั้งได้แจ้งความไว้แล้ว วอนสื่อโซเชียลตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนโจมตีกระหน่ำ
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ศุภชัย คำโส โพตส์ภาพซากนกเงือกและลิง พร้อมข้อความระบุว่า “ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ กับแกล้มคนบ้านนอกก็ประมาณนี้แหละครับ” ทำให้เกิดกระแสในโลกโซเชียลออกมากระหน่ำประณามโจมตีผู้โพตส์จำนวนมากนั้น
ล่าสุดวันนี้ (2 ม.ค. 63) นายศุภชัย คำโส อายุ 38 ปี ชาวบ้านหนองคก หมู่ 11 ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี และทำงานเป็นเจ้าพนักงานธุรการ ศูนย์สุขภาพชุมชนโรงพยาบาลประจำอำเภอน้ำยืน ได้เข้าพบ พ.ต.ต.นิรุตต์ สีหานาม สว.สส.สภ.น้ำยืน และ พ.ต.ท.อรรคนิธิ์ แสงสุนีย์ รอง ผกก.ป.สภ.น้ำยืน ให้ข้อมูลแหล่งที่มาของซากสัตว์ป่าทั้ง 2 ชนิดที่ปรากฏในภาพ
ปฏิเสธไม่ได้เป็นผู้โพสต์ภาพและข้อความดังกล่าว ได้ถ่ายไว้ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2562 หรือเมื่อปีที่แล้ว ขณะขึ้นไปทำหน้าที่หน่วยปฐมพยาบาลนักวิ่ง ที่โรงพยาบาลจัดวิ่งเพื่อสุขภาพขึ้นไปยังช่องอานม้า ต.โซง อ.น้ำยืน ซึ่งเป็นพรมแดนไทย-กัมพูชาในปี 2562 ระหว่างไปคอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักวิ่ง ได้เดินข้ามฝั่งจากประเทศไทยเข้าไปดูตลาดชายแดนของชาวบ้านกัมพูชา ตั้งอยู่บ้านสะเตียลกวาง อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร
นอกจากขายสินค้าของใช้ ยังมีการนำซากสัตว์ป่าที่พรานชาวกัมพูชาล่าได้มาวางขายในตลาดดังกล่าว จึงใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพเก็บไว้เป็นข้อมูล โดยไม่ได้เป็นคนฆ่าหรือนำซากสัตว์ดังกล่าวกลับมาปรุงทำเป็นอาหารตามที่โพสต์ในคืนเคานต์ดาวน์ เพราะคืนวันที่ 31 ธ.ค.ซึ่งเป็นคืนเกิดเรื่องตนฉลองปีใหม่จนเมาหนัก และนอนน็อกอยู่ที่บ้านพัก โดยขณะนั้นไม่ทราบว่าโทรศัพท์เครื่องที่บันทึกภาพซากสัตว์ที่ถ่ายมานานแล้วหายไป
กระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นมีเพื่อนมาหาที่บ้านพักและเล่าให้ฟังว่ามีการโพสต์ภาพสัตว์ป่าสงวนพร้อมกับข้อความดังกล่าว ตนจึงพยายามตามหาโทรศัพท์แต่ไม่พบ จึงยืมโทรศัพท์เพื่อนโทร.เข้าหาโทรศัพท์ของตนเอง มีเสียงเรียกและมีคนรับสายแต่ไม่พูด หลังจากนั้นก็ปิดเครื่องไปเลย ตนจึงได้เข้าแจ้งความเป็นหลักฐานไว้ต่อพนักงานสอบสวน สภ.น้ำยืน ตั้งแต่สายของวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา
วันนี้ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้ทำเหมือนกับข้อความที่โพสต์แต่อย่างใด พร้อมนำชุดสืบสวนของ สภ.น้ำยืนเดินทางไปที่ด่านพรมแดนช่องอานม้าเพื่อเข้าไปดูตลาดขายซากสัตว์ป่าของชาวกัมพูชาเพื่อยืนยันแหล่งที่มาของซากสัตว์ที่ปรากฏในภาพ เป็นซากสัตว์จากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ใช่ซากสัตว์ในประเทศไทย
พร้อมยังให้ข้อมูลด้วยว่า สำหรับคนไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวที่ตลาดดังกล่าว ถ้าจะซื้อซากสัตว์กลับเข้ามาในประเทศไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะมีเจ้าหน้าที่ของไทยหลายหน่วยงานคอยตรวจตราและจับกุม หากต้องการกินอาหารป่า ต้องให้พ่อค้าชาวกัมพูชาเป็นผู้ปรุงและกินอยู่ตรงตลาดของกัมพูชา ไม่สามารถนำทั้งซากหรืออาหารที่ปรุงด้วยเนื้อสัตว์ป่าข้ามมายังฝั่งไทยได้เพราะผิดกฎหมาย
นายศุภชัยยังกล่าวถึงโลกโซเชียลที่เข้ามาประณามถึงเหตุการณ์เอาซากสัตว์ป่ามาปรุงอาหารรับเคานต์ดาวน์ว่า ก่อนจะต่อว่าควรตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ถูกต้องก่อนว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ไม่ใช่เอาแต่โจมตีโดยไม่สืบหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะทำให้ตนได้รับความเสียหายดังกล่าวด้วย
เบื้องต้นหลังจากนายศุภชัยนำเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนดูข้อเท็จจริงที่ตลาดฝั่งประเทศกัมพูชา ชุดสืบสวนและหน่วยงานเกี่ยวกับสัตว์ป่าอื่นๆ ก็ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหานายศุภชัยแต่อย่างใดด้วย