ศูนย์ข่าวศรีราชา - มหาดไทยสั่งด่วน! เมืองพัทยา เร่งแก้ปัญหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินนักท่องเที่ยว หลังสื่อเยอรมนีตีข่าวแฉแหล่งท่องเที่ยวไทยมีปัญหาการต้มตุ๋นหลอกลวง
จากกรณีที่กระทรวงมหาดไทย ให้เร่งแก้ไขปัญหาภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวโดยเฉพาะในเรื่องความปลอดภัย หลังรายการทีวีในประเทศเยอรมนี “Achtung Abzokc” ได้ตีแผ่สถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งระบุถึงพฤติกรรมในภาพรวมว่า มีการปล่อยให้มิจฉาชีพตุ้มตุ๋นและหลอกลวงนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่เป็นประจำ เช่น อัตราค่าบริการรถรับจ้างซึ่งแพงเกินจริง การหลอกลวงขายตั๋วตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ การคิดค่าบริการเกินราคา การให้บริการทำบัตรหรือสัญลักษณ์ปลอม
ทั้งบัตรเจ้าหน้าที่รัฐปลอม บัตรขึ้นรถไฟปลอม ใบขับขี่ปลอม รวมทั้งมีคนปลอมเป็นตำรวจท่องเที่ยวร่วมอยู่ในขบวนการหลอกลวงนักท่องเที่ยว จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวยุโรปและนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพนั้น
ล่าสุด นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ททท.สำนักงานพัทยา การท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชลบุรี สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว ภาคเอกชน และเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว สภ.เมืองพัทยา บางละมุง นาจอมเทียน ห้วยใหญ่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และกองบินตำรวจ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
รวมทั้งการหามาตรการป้องกันและดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว ตลอดจนวางแนวทางปฏิบัติในการให้ความช่วยเหลือเมื่อประสบเหตุต่างๆ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี มีรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 2.7 แสนล้านบาทต่อปี จากจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 18 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 10 ล้านคนต่อปี และจากสถิติในปี 2555 พบว่า มีนักท่องเที่ยวประสบเหตุในพื้นที่ จ.ชลบุรี กว่า 150 ราย จึงต้องมีมาตรการด้านการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งทางน้ำและทางบก
ส่วนปัญหาการหลอกลวงต้มตุ๋นที่พบ มีทั้งการคิดราคาค่าบริการเกินจริง การจำหน่ายสินค้าและบริการเกินราคา และปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทัรพย์สิน ทั้งการโจรกรรม และการมอมยารูดทรัพย์
โดยในอดีตเมืองพัทยา เคยมีการกำหนดแผนการบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อจัดทำแผนแม่บทในการร่วมมือปฏิบัติงานอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั้งทางบกและทางทะเล รวมทั้งแผนตั้งศูนย์ความปลอดภัยร่วมบริเวณชายหาด แต่ติดปัญหาเรื่องของการจัดตั้งศูนย์ที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจนต้องระงับโครงการไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อในวันนี้มีการสั่งการจากกระทรวงมหาดไทย ให้เมืองพัทยาเร่งวางแผนและจัดระบบป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว รวมถึงมาตรฐานการให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอย่างเป็นธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมันและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อการท่องเที่ยวของเมืองพัทยา ให้สอดคล้องต่อแผนการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ที่จะทำให้มีการลงทุนและจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่มากขึ้น
นายรณกิจ เผยว่า ที่ประชุมได้มีการผนวกรวมหน่วยงานด้านต่างๆ เข้าเป็นคณะทำงาน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ และในช่วงไฮซีซัน ที่จะมีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรมบริเวณท่าเรือแหลมบาลีฮาย พัทยาใต้
จากนั้นจะร่วมกันฝึกซ้อมแผนการป้องกันเหตุ ทั้งก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุในระดับต่างๆ ตามสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในแง่มุมต่างๆ ไล่ตั้งแต่อาชญากรรม การให้บริการ ปัญหาไฟไหม้ น้ำท่วม อาคารถล่ม การจราจร หรืออุบัติภัยทางบกและทะเล เพื่อให้ทุกหน่วยงานมีความพร้อมและสามารถปฏิบัติงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
“โดยเฉพาะเมืองพัทยา ซึ่งถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ จะมีการจัดตารางการปฏิบัติงานในการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องกล้องวงจรปิด การสนธิกำลังระหว่างตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจพัทยา และกำลังจากเมืองพัทยา เพื่อจัดแบ่งโซนในการตรวจตราความปลอดภัยตลอดแนวความยาวของชายหาด ตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น.ของทุกวันในช่วงเทศกาลปีใหม่ และฤดูกาลท่องเที่ยว ที่จะมีพิธีการปล่อยแถวในวันจันทร์ที่ 9 ธ.ค.นี้” นายรณกิจ กล่าว
สำหรับประชาชนที่ประสบปัญหาสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่เมืองพัทยา หรือสอบถามข้อมูลต่างๆ ที่หมายเลขโทรศัพท์อัตโนมัติ PATTAYA CONTACT CENTER 1337 ตลอด 24 ชั่วโมง