ศูนย์ข่าวศรีราชา- รฟท.เปิดเวทีระดมความเห็นชาวชลบุรี สรุปผลรถไฟทางคู่สายตะวันออก เชื่อมขนส่งทางรางสู่ 3 ท่าเรือ หวังยกระดับโครงข่ายโลจิสติกส์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
วันนี้ (25 พ.ย.) นายวิวัฒน์ มหาผลศิริกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อสรุปผลการออกแบบรายละเอียดโครงการงานศึกษาความเหมาะสม ออกแบบรายละเอียดและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มความจุทางรถไฟ ช่วงหัวหมาก- ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา และโครงการรถไฟทางคู่ช่วงศรีราชา-มาบตาพุด ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมเฟิร์ส แปซิฟิก โฮเต็ล แอนด์ คอนเวนชั่น พัทยา จ.ชลบุรี
โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษาในพื้นที่ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรธุรกิจเอกชน และภาคประชาชนเข้าร่วม
ทั้งนี้โครงการรถไฟทางคู่สายตะวันออก ช่วงหัวหมาก-ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา และรถไฟทางคู่ ช่วงศรีราชา-มาบตาพุด มีระยะทางรวม 202 กิโลเมตร มีสถานีจอดจำนวน 18 สถานี ผ่านพื้นที่ 4 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี และระยอง เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) แหล่งท่องเที่ยว และพื้นที่อุตสาหกรรมหลักกับ 3 ท่าเรือ คือ ท่าเรือแหลมฉบัง, ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด
โครงการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งและกระจายสินค้าไปยังทุกภูมิภาคอาเซียน ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังมาบตาพุดประมาณ 2 ชั่วโมง คาดว่าจะมีปริมาณผู้โดยสารประมาณ 2.3 ล้านคนต่อปี ในปีเปิดและเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 5.9 ล้านคนต่อปีในปี 2598
คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณการขนส่งสินค้า 83 ล้านตันต้อปี และเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 250 ล้านตันต่อปีในปี 2598 ซึ่งการพัฒนาระบบขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพและเชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย นับเป็นกลไกที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในพื้นที่ EEC รองรับการเดินทางและขนส่งสินค้าจากทั่วประเทศ กระตุ้นให้เกิดการลงทุนทางธุรกิจ สนับสนุนการท่องเที่ยว ก่อให้เกิดรายได้แก่ประชาชน ช่วยสร้างเสริมเศรษฐกิจไทยให้เติบโต และส่งเสริมให้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคและของอาเซียน
โดย รฟท. ให้ความสำคัญต่อการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในทุกขั้นตอนของโครงการ เพราะถือว่าการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินโครงการ เพื่อให้โครงการสามารถดำเนินไปได้เหมาะสมและสอดคล้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนความต้องการของประชาชน และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ และประชาชนอย่างแท้จริง
นอกจากนั้นที่ประชุมยังได้นำเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากโครงการเพื่อลดผลกระทบทั้งต่อการดำเนินชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นโครงการด้านๆ ต่าง อาทิ การแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟด้วยการสร้างสะพาน และทางลอดเพื่อความปลอดภัยการเดินทางและขนส่งทางรถไฟ ลดผลกระทบด้านการจราจร การก่อสร้างรั้วตลอดแนวเส้นทางป้องกันไม่ให้ประชาชนและสัตว์เลี้ยงได้รับอันตรายจากการถูกรถไฟชนหรือถูกรถไฟดูด
และยังได้มีการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งกำหนดมาตรการป้องกัน เช่น การควบคุมน้ำท่วมและการระบายน้ำ โดยบริเวณก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำต้องมีตาข่ายรองรับโครงสร้างสะพานป้องกันเศษวัสดุก่อสร้างร่วงหล่นลงในลำน้ำ การจัดให้มีแนวป้องกันน้ำฝน ระบบระบายน้ำ และบ่อตกตะกอน รองรับน้ำฝนก่อนระบายออกสู่ท่อระบายน้ำสาธารณะ และการจัดการเครื่องสูบน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่
ด้านคุณภาพอากาศ ได้ออกมาตรการตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์รถบรรทุก รวมทั้งเครื่องจักรที่ใช้ในการก่อสร้างให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมใช้งาน การฉีดพรมน้ำควบคุมฝุ่นละอองอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ด้านคุณภาพเสียงได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงแนวเส้นทางโครงการเกี่ยวกับรายละเอียดของการกิจกรรมก่อสร้าง และจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนจากชุมชนด้วยการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ประจำ 24 ชั่วโมง
ส่วนทางด้านการคมนาคมขนส่ง อุบัติเหตุ และความปลอดภัย กำหนดให้มีการวางแผนการจัดการจราจรระหว่างการก่อสร้าง รวมทั้งติดตั้งเครื่องหมายจราจร ไฟเตือน ป้ายเตือน ตั้งแต่ก่อนถึงบริเวณก่อสร้างจนถึงบริเวณก่อสร้าง พร้อมจัดให้มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้แก่ให้ผู้สัญจรไปมา ได้รับความปลอดภัย และสะดวกในการเดินทาง