หนองคาย - หนุ่มการโรงแรมโบกมือลาบางกอกคืนบ้านเกิดที่หนองคาย ตัดสินใจปลูกกาแฟ 7 ไร่ นับพันต้น เผยผลผลิตรสชาติดี ตลาดต้องการมาก เล็งให้เป็นพืชเศรษฐกิจของอำเภอสังคม ขายได้ราคาดีล่าสุดรวมตัวตั้ง “กลุ่มกาแฟโกโก้อินทรีย์ลุ่มน้ำโขง” เดินหน้าพัฒนาคุณภาพอย่างมีอัตลักษณ์
กรุงเทพเมืองฟ้าอมรที่คนภูธรจำนวนไม่น้อยต้องฝากปากท้อง ฝากอนาคตไว้หลังเรียนจบ เป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ที่ต่างปฏิเสธสถานะพลเมืองแฝงไม่ได้ หลายคนเมื่ออยู่นานเข้าก็ลงหลักปักฐานเป็นชาวกรุงไปโดยปริยาย แต่ก็มีไม่น้อยที่ทำงานแล้วเก็บออมได้เงินก้อนก็ตัดสินใจครั้งใหญ่ หันหลังแล้วบายหน้ากลับภูมิลำเนา
กรณีของหนุ่มหนองคายรายนี้ก็เช่นกัน...จักรกริช กาญบุตร หรืออั๋น อายุ 41 ปี หนุ่มพนักงานโรงแรมทำงานที่กรุงเทพฯ มานานกว่า 16 ปี เมื่ออิ่มตัวจึงหันหัวกลับบ้านที่บ้านห้วยค้อ ต.บ้านม่วง อ.สังคม และทำการศึกษาค้นคว้าพืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจ นอกเหนือจากพืชท้องถิ่นที่ปลูกกันอยู่ จนมาลงเอยที่กาแฟ โดยประเดิมปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสต้า ประมาณ 1,000 ต้น และพันธุ์อาราบิก้า อีกประมาณ 100 ต้น บนพื้นที่ 7 ไร่ ทั้งพื้นที่ด้านหลังบ้านที่ติดภูเขา และที่ดินริมแม่น้ำโขง
นอกจากนี้เขายังได้ปลูกโกโก้แซมพืชสวนอื่นๆ อีกหลากหลายชนิดอีกราว 500 ต้น กลายเป็นสวนผสมที่มีไม้ผลและพืชสวนขนาดใหญ่ที่ใครผ่านไปผ่านมาก็สะดุดตา และขณะนี้ทั้งกาแฟและโกโก้เริ่มให้ผลผลิตได้เก็บเกี่ยวแล้ว
จักรกริชเล่าว่า กาแฟในพื้นที่อำเภอสังคม จ.หนองคาย เมื่อหลายปีก่อน เคยได้รับการสนับสนุนให้เกษตรกรปลูก แต่การส่งเสริมจากภาครัฐไม่มีความต่อเนื่องทำให้เกษตรกรเลิกปลูก ตนได้ศึกษาหาความรู้ข้อดีข้อเสียของการปลูกกาแฟ จนลงมือปลูกเองและดูแลทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง ตั้งแต่การเตรียมดิน การปลูก การรดน้ำ การพรวนดิน และเก็บผลผลิต ซึ่งดินของอำเภอสังคมเป็นดินร่วน สภาพพื้นที่เป็นภูเขาสูง อากาศดี มีความชื้นและเย็นจากแม่น้ำโขงมาช่วยให้กาแฟเจริญเติบโตได้ดี
โดยปลูกกาแฟได้ประมาณ 3 ปี ก็เก็บผลผลิตได้แล้ว ปีนี้ตั้งความหวังว่าจะได้กาแฟทั้งสองสายพันธุ์ประมาณ 200 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังได้ผลิตกาแฟขี้ชะมด โดยการเลี้ยงชะมดไว้จำนวนหนึ่งเพื่อให้ได้กาแฟขี้ชะมดเป็นอีกทางเลือกหนึ่งด้วย
จักรกริชเล่าให้ฟังต่อว่า เมื่อได้เมล็ดกาแฟแล้วก็จะนำมาคัดขนาด ซึ่งกาแฟอำเภอสังคมจะมีขนาดเมล็ดเล็กกว่ากาแฟที่ปลูกในพื้นที่ภาคใต้ แต่เนื้อแน่นกว่า เมื่อนำไปคั่วก็จะได้กาแฟรสชาติดี นำไปชงกาแฟตามแบบที่ต้องการ ซึ่งได้ส่งเมล็ดกาแฟไปยังโรงคั่วเมล็ดกาแฟต่างจังหวัดตามประเภท ทั้งคั่วเข้ม คั่วกลาง คั่วอ่อน แล้วนำกลับมาบรรจุภัณฑ์ในแบรนด์ของตัวเองที่มีชื่อว่า “กาแฟชนกลุ่มน้อย” มีออเดอร์ทั้งในจังหวัดหนองคายและต่างจังหวัดเป็นที่รู้จักกันของคอกาแฟกันบ้างแล้ว
โดยราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 350 บาท มีบริการจัดส่งให้ถึงบ้าน ล่าสุดกาแฟของที่นี่ได้รับรางวัล 1 ใน 10 กาแฟที่ได้รับรางวัลจากสมาคมกาแฟอีกด้วย
การที่ปลูกกาแฟและโกโก้ไปด้วยกันนั้น นายจักรกริชบอกว่า พืชสองตัวนี้ไปด้วยกันได้ ซึ่งกาแฟจะทำรายได้รายปี ส่วนโกโก้จะทำให้มีรายได้เป็นรายเดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการควบคุมคุณภาพของผลผลิตให้ดีมีคุณภาพ รสชาติคงที่อยู่เสมอ ปัจจุบันมีเกษตรกรในพื้นที่อำเภอสังคม สนใจปลูกกาแฟด้วยแล้ว 16 ราย ปลูกกาแฟรวมกันทั้งหมดได้ประมาณ 5,000 ต้น คาดว่าอีกไม่เกิน 3 ปี จะเก็บผลผลิตส่งโรงคั่วได้ และจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น
จักรกริชเปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรกรที่ปลูกกาแฟในอำเภอสังคมได้รวมกลุ่มกัน เป็น “กลุ่มกาแฟโกโก้อินทรีย์ลุ่มน้ำโขง” และยังร่วมกับกลุ่มกาแฟสามพราน นครปฐม พัฒนาแนวทางกาแฟที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ซึ่งตนต้องการสร้างวัฒนธรรมทางการเกษตรรูปแบบใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันการสนใจทางการตลาดคู่กัน
สนใจชิมกาแฟจากเมล็ดกาแฟที่ปลูกในพื้นที่ภาคอีสานของอำเภอสังคม จ.หนองคาย ติดต่อได้ที่ นายจักรกริช 09-5986-8303 มีบริการจัดส่งทางไปรษณีย์ทั่วประเทศ