xs
xsm
sm
md
lg

“ไอ้เอ็ม” กราบเท้าขอโทษญาติเศรษฐินี-เผยลงมือโหด บังคับเอาเอทีเอ็มพร้อมรหัส ทดลองกดเงินได้แล้วย้อนกลับมาฆ่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “ไอ้เอ็ม” สารภาพผิดก้มลงกราบเท้าขอโทษญาติเศรษฐินีนักปฏิบัติธรรม ขณะที่ ผบช.ตร.ภาค 5 นำแถลงพบอาศัยความคุ้นเคยทำทีไปเคาะบ้านเรียกผู้ตาย สบโอกาสทำร้ายบังคับเอาบัตรเอทีเอ็มและรหัสไปทดลองกดเงินสดก่อนย้อนกลับมาฆ่า จากนั้นหลบหนีได้เงินไปทั้งสิ้นกว่า 1.7 ล้าน โดยลงมือก่อเหตุคนเดียวเพราะปัญหาการเงิน





วันนี้ (1 พ.ย. 62) ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลการจับกุมตัว นายวิฑูรย์ ศรีตะบุตร์ หรือเอ็ม อายุ 39 ปี ชาวจังหวัดลำปาง ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฆ่า น.ส.วรรณี จิรเจริญยิ่ง อายุ 58 ปี เศรษฐีนีนักปฏิบัติธรรม ที่ถูกพบศพถูกยัดใส่ตู้เย็นและโรยปูนซีเมนต์ทับอำพรางไว้บ้านเลขที่ 90/3 หมู่ 3 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ของผู้ตาย กระทั่งเพิ่งพบศพเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา และจากการรวบรวมพยานหลักฐานนำไปสู่การออกหมายจับนายวิฑูรย์ กระทั่งไล่ล่าจับกุมตัวได้ที่จังหวัดนครสวรรค์ วานนี้ (31 ต.ค. 62) โดยในช่วงก่อนการแถลงข่าวครั้งนี้ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายวิฑูรย์ขึ้นไปพูดคุยบนอาคารสำนักงาน ทางญาติของ น.ส.วรรณีได้สอบถามนายวิฑูรย์ถึงการก่อเหตุ ซึ่งนายวิฑูรย์ได้ก้มลงกราบขอโทษ พร้อมยอมรับว่าก่อเหตุในครั้งนี้ได้เงินไปกว่าล้านบาท และใช้จ่ายไปแล้วส่วนหนึ่งจนเหลือประมาณ 1.2 ล้านบาท ส่วนรถยนต์ของผู้ตายนั้นไม่ได้นำไปขายหรือจำนำ เพียงนำไปฝากไว้กับเพื่อนที่รู้จักกันเท่านั้น

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานกรณีเมื่อวันที่ 27 ต.ค. 62 มีผู้พบศพ น.ส.วรรณี จิรเจริญยิ่ง อายุ 58 ปี เสียชีวิตภายในตึกแถวแห่งหนึ่งในตัวอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยสภาพศพซุกซ่อนอยู่ภายในตู้เย็นปิดทับด้วยปูนซีเมนต์ เบื้องต้นมีทรัพย์สินที่หายไป คือ บัตรกดเงินสดเอทีเอ็ม และรถยนต์เก๋งยี่ห้อ BMW รุ่น X1

ต่อมามีพยานหลักฐานตามสมควรได้เสนอศาลจังหวัดฮอดอนุมัติหมายจับนายวิฑูรย์ ในข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และรับของโจร ต่อมากองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 และตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามและกองบังคับการตำรวจรถไฟ, กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, ตำรวจภูธรภาค 6, ตำรวจภูธรภาค 7 และกองบังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สืบสวนติดตามจับกุมนายวิฑูรย์ ซึ่งพบพฤติการณ์ของนายวิฑูรย์ว่าลักทรัพย์รถยนต์ของผู้เสียชีวิตไปขับขี่ และนำบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียชีวิตไปกดเงินสด แล้วหลบหนีออกมาจากพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ต่อเนื่องจังหวัดระยอง, กรุงเทพฯ และจังหวัดนครปฐม

กระทั่งต่อมาวันที่ 29 ต.ค. 62 ได้สืบสวนติดตามทราบว่านายวิฑูรย์ นำเงินสดประมาณ 1.7 แสนบาท ไปซื้อจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าที่จังหวัดนครปฐม และใช้จักรยานยนต์คันดังกล่าวเป็นพาหนะในการหลบหนีโดยใช้เส้นทางสายรองเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดนครปฐม, กาญจนบุรี, ราชบุรี, สุพรรณบุรี, อุทัยธานี และนครสวรรค์ จนกระทั่งวันที่ 31 ต.ค. 62 เวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวนายวิฑูรย์ได้ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปตามเส้นทางหลวงชนบทหมายเลข 1072 โดยจับกุมได้ในช่วงกิโลเมตรที่ 6 หมู่ที่ 16 บ้านวังสวัสดี ตำบลหนองกระโดน อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งนายวิฑูรย์ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมของกลางด้วยเงินสด 1,267,460 บาท, จักรยานยนต์ยี่ห้อ Honda รุ่น Forza 300 สีดำ ราคาประมาณ 170,000 บาท และสร้อยคอทองคำ น้ำหนักประมาณ 76 กรัม หรือ 5 บาท จำนวน 1 เส้น ราคาประมาณ 1 แสนบาท และทรัพย์สินอื่นๆ

ส่วนขั้นตอนการลงมือก่อเหตุของนายวิฑูรย์นั้น พล.ต.ท.ประจวบเปิดเผยว่า จากการสอบสวนนายวิฑูรย์อ้างว่าลงมือก่อเหตุช่วงเช้าวันที่ 11 ต.ค. โดยทำทีไปเคาะบ้านเรียกผู้ตาย จนกระทั่งผู้ตายแง้มเปิดประตูแง้มออกมาดู ด้วยความที่เห็นว่าเป็นคนคุ้นเคยกันจึงสบโอกาสลงมือทำร้ายบังคับเอาบัตรเอทีเอ็มและรหัส เมื่อได้แล้วจึงนำไปทดลองกดเงินว่าได้หรือไม่ เมื่อได้แล้วจึงย้อนกลับมาลงมือฆ่าผู้ตาย ก่อนที่วันที่ 13 ต.ค. จะย้อนกลับมาจัดการอำพรางศพ หลังจากนั้นได้นำบัตรเอทีเอ็มของผู้ตายไปตระเวนกดเงินสดได้ไปรวมทั้งสิ้นประมาณ 1.7 ล้านบาท ขณะที่แรงจูงใจก่อเหตุนั้นมาจากมีปัญหาการเงินในครอบครัว และอ้างว่าจะไปขอให้ผู้ตายช่วยดาวน์รถสองแถวให้เพื่อประกอบอาชีพ ทั้งนี้ จากหลักฐานร่อยรอยต่างๆ ในที่เกิดเหตุและพฤติการณ์ทั้งหมดเชื่อว่านายวิฑูรย์น่าจะก่อเหตุเพียงคนเดียว


กำลังโหลดความคิดเห็น