ศูนย์ข่าวศรีราชา - ไร้เงา “กี้ร์ อริสมันต์” ฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ชี้ขาดคดีแกนนำ นปช.นำกลุ่มคนเสื้อแดงบุกล้มการประชุมอาเซียนที่เมืองพัทยา ให้จำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา 12 แกนนำ มีเพียง จตุพร พรหมพันธุ์ ให้กำลังใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (31 ต.ค.) ศาลจังหวัดพัทยาได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำกลุ่มคนเสื้อแดงบุกล้มการประชุมอาเซียน ที่โรงแรมรอยัล คลิฟบีช รีสอร์ท เมืองพัทยา เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2552 ที่ผ่านมา ซึ่งพนักงานอัยการจังหวัดพัทยาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องผู้ต้องหาประกอบด้วย นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง, นายนพพร นามเชียงใต้, พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์, นายสมญศฆ์ พรมภา, นายนิสิต สินธุไพร, นายสำเริง ประจำเรือ, นายศักดา นพสิทธิ์, นายสิงห์ทอง บัวชุม, นายธนกฤต หรือวันชนะ ชะเอมน้อย หรือเกิดดี, นายวรชัย เหมะ, นายพายัพ ปั้นเกตุ, นายวัลลภ ยังตรง และนายพิเชฐ สุขจินดาทอง ทั้งนี้ ได้พักคดี พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ และนายสุรชัย แซ่ด่าน เนื่องจากหลบหนี ขณะที่นายธรชัย ศักดิ์มังกร และ พ.ต.อ.สมพล รัฐกาญจน์ ศาลชั้นต้นยกฟ้อง
โดยจำเลยได้นำกลุ่มคนเสื้อแดงบุกล้มการประชุมอาเซียน ที่โรงแรมรอยัล คลิฟบีช รีสอร์ท ในช่วงที่กลุ่ม นปช.มีการชุมนุมใหญ่ปี 2552 เพื่อขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี
และอัยการได้แจ้งข้อหา คือ 1. ร่วมกันขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ซึ่งสั่งให้เลิกการมั่วสุม 2. ข้อหาร่วมกันเดินแถวเป็นขบวนและกระทำด้วยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร 3. ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ และมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่ก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎ หมายแผ่นดิน
4. มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยเป็นหัวหน้า เป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำผิดนั้นและ 5.ร่วมกันบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ โดยขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215, 216, 358, 362, 364, 365 และ พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 108, 114, 148
ต่อมาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนให้จำคุกจำเลยทั้ง 12 คน เป็นเวลา 4 ปีโดยไม่รอลงอาญา และยกฟ้อง 1 คน
กระทั่งวันที่ 11 กันยานที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีดังกล่าว แต่ปรากฏว่าจำเลยมาเพียงคนเดียวจึงได้อ่านคำพิพากษาของนายศักดา นพสิทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ ซึ่งเป็นจำเลยที่ 10
ในวันนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีจำเลย 3 คนที่เดินทางมารับฟังคำพิพากษา ประกอบด้วย พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์, นายสำเริง ประจำเรือ และนายวรชัย เหมะ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้รับหมายเรียกศาล และศาลได้มีการอ่านคำพิพากษาไปแล้วคือจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา ซึ่งจำเลยทั้ง 3 ได้เตรียมใจในการรับโทษ เนื่องจากตามกระบวนการยุติธรรม หากมีคำพิพากษาไปแล้วแม้จำเลยจะเดินทางมารับฟังหรือไม่ก็ต้องรับโทษตามกระบวนการยุติธรรม
โดยจำเลยทั้งสามได้ยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเพื่อรับสารภาพเพื่อให้ศาลวินิจฉัยบทลงโทษใหม่ ศาลจังหวัดพัทยาจึงส่งคำร้องไปยังศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยซึ่งคาดว่าจะทราบผลในช่วงบ่ายวันนี้
ขณะที่บรรยากาศโดยทั่วไปเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเพียงนายจตุพร พรหมพันธุ์ หนึ่งในแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช) ที่เดินทางมาให้กำลังจำเลยทั้งสาม และยังมีรายงานว่าก่อนหน้านี้ว่าหลังจากที่ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษานัดแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2562 มีเพียงนายศักดา นพสิทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ จำเลยที่ 10 เดินทางมารับฟังคำพิพากษาเพียงคนเดียว
จากนั้นในวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา มีจำเลยอีก 4 คน เข้ามอบตัวต่อศาลจังหวัดพัทยา ประกอบด้วย นายพายัพ ปั้นเกตุ, นายพิเชฐ สุขจินดาทอง, นายสิงห์ทอง บัวชุม และนายนพพร นามเชียงใต้
ส่วนจำเลยอีก 3 คนที่ไม่ได้เดินทางมารับฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา คือ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง, นายแพทย์ชวัลลภ ยังตรง และนายธนกฤต หรือวันชนะ ชะเอมน้อย