xs
xsm
sm
md
lg

ศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษ "พล.ท.มนัส" จำคุก 82 ปี จากเดิม 27 ปี คดีค้ามนุษย์โรฮิงญา

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เพิ่มโทษ "พล.ท.มนัส" คดีค้ามนุษย์โรฮิงญา จากเดิมจำคุก 27 ปี เป็นจำคุก 82 ปี ขณะที่จำเลยที่เคยยกฟ้องเจอโทษจำคุกใหม่ 16 ราย

วันนี้ (31 ต.ค.) ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีค้ามนุษย์โรฮิงญาหรือโรฮีนจา ชาวบังคลาเทศ และเมียนมา หมายเลขดำ คม.27,28,29,32/2558 ,คม.19,35,36,40,41,47,63,/2559 รวม 11 สำนวน ที่พนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์ 1 และต่างด้าวผู้เสียหายบางรายเข้าเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง “นายบรรณจง หรือโกจง ปองผล” อดีตนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ จ.สงขลา จำเลยที่ 1 และเจ้าหน้าที่รัฐประกอบด้วยทหาร-ตำรวจ , ผู้บริหารการเมืองท้องถิ่น ,พลเรือนทั้งไทยและสัญชาติเมียนมา รวม 103 คน (ระหว่างพิจารณาคดีนายสุรีชัย อาหะหมัด จำเลยที่ 26 ได้เสียชีวิต)ในความผิดฐานสมคบกับค้ามนุษย์ที่กระทำกับบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปีและไม่เกิน 18 ปี และที่เกิน 18 ปี อันเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 , มีส่วนร่วมอาชญากรรมข้ามชาติ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 และความผิดอื่นตามประมวลกฎมายอาญา จากพฤติการณ์เมื่อต้นเดือน ม.ค.54 - 1 พ.ค.58 มีจำเลยคดีนี้ซึ่งร่วมขบวนการองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ได้หลอกลวงขู่บังคับชาวบังกลาเทศ และชาวโรฮิงญา หรือโรฮีนจา รวม 80 คน จากประเทศบังคลาเทศและเมียนมา เข้ามายังประเทศไทย และส่งไปประเทศมาเลเชียโดยแบ่งหน้าที่กันทำ ทั้งเป็นนายหน้าชักชวนผู้เสียหายว่าจะส่งไปทำงานซึ่งมีทั้งผู้เสียหายที่หลงเชื่อและที่ไม่สมัครใจ โดยจะมีการใช้กำลังหรืออาวุธปืนประทุษร้ายและข่มขู่ผู้เสียหายด้วย และเมื่อรวบรวมผู้เสียหายได้ 200-500 คน ก็จะส่งขึ้นเรือลำใหญ่ที่จอดลอยลำ รออยู่ในทะเล ที่มีผู้ควบคุมซึ่งมีอาวุธปืนไว้คอยควบคุมไม่ให้ผู้เสียหายหลบหนี จากนั้นจะมีเรือเล็กรับผู้เสียหายขึ้นฝั่งไปพักในเขต จ.ระนอง จ.พังงา ขณะที่จะมีการขายผู้เสียหายให้กับผู้อื่นคิดเป็นเงินไทยคนละ 60,000-70,000 บาท

สำหรับจำเลย เจ้าหน้าที่รัฐรายสำคัญคดีนี้ อาทิ นายบรรณจง หรือโกจง จำเลยที่ 1 , นายอ่าสัน หรือหมู่สัน หรือบังสัน อินทธนู อดีตสมาชิกสภาเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ จำเลยที่ 2 , นายประสิทธิ์ หรือเดช หรือบังเบส หรือบังเค เหล็มเหล๊ะ อดีตรองนายกเทศมนตรีตำบลปาดังเบซาร์ จำเลยที่ 6 , นายอาบู หรือ ส.จ.บู ฮะอุรา อดีตสมาชิก อบจ.อำเภอควนโดน จ.สตูล จำเลยที่ 14 , นายปัจจุบัน หรือโกโต้ง อังโชติพันธุ์ อดีตนายกอบจ. จ.สตูล จำเลยที่ 29 , พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก และผอ.กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนแยกที่ 1 ระนอง จำเลยที่ 54
ส่วนพลเรือนจำเลยที่สำคัญ คือนายซอเนียง อานู หรืออันวา หรือโซไนท์ จำเลยที่ 46 ซึ่งมีสัญชาติเมียนมาร์ มีพฤติการณ์เป็นนายหน้าขบวนการค้ามนุษย์ในประเทศไทย

โดยคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 60 ซึ่งศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษา 540 หน้า นานร่วม 12 ช.ม. ให้จำคุกนายบรรจง หรือโกจง อดีตนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ จ.สงขลา จำเลยที่ 1 , นายอ่าสัน หรือบังสัน อดีตสมาชิกสภาเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ จำเลยที่ 2 , นายประสิทธิ์ หรือเดช อดีตรองนายกเทศมนตรีตำบลปาดังเบซาร์ จำเลยที่ 6 จำคุกคนละ 78 ปี (ศาลให้นับโทษจำเลยที่ 6 จากคดีศาลจังหวัดนาทวีด้วย คดีหมายเลขแดง 459/2560)
นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง อดีตนายกอบจ. จ.สตูล จำเลยที่ 29 จำคุก 75 ปี , นายซอเนียง จำเลยที่ 46 ซึ่งเป็นนายหน้าขบวนการค้ามนุษย์ จำคุก 94 ปี , พล.ท.มนัส อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก จำเลยที่ 54 จำคุก 27 ปี ส่วนจำเลยที่เหลือ 56 คน ที่มีตำรวจและพลเรือน ให้จำคุก ตั้งแต่ 4-79 ปี

แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงของจำเลย 1, 2 , 4 , 5 , 6 , 10, 11, 12 , 16, 18, 22, 25, 27, 28 , 29, 38, 43, 46, 47, 48, 53, 57, 58, 99, 101 จำคุกสูงสุดคนละ 50 ปี พร้อมทั้งมีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1-8 , 10-14,16-22, 25, 27-31, 33, 38-51, 53-60, 65-67, 74, 78, 79, 81, 87 , 88 , 96, 97, 99, 100 รวม 61 คน ให้ชดใช้ผู้เสียหาย 58 ราย รวมทุนทรัพย์ค่าเสียหายทั้งหมด 4,400,250 บาท

และให้พิพากษายกฟ้องจำเลย 40 ราย ประกอบด้วย จำเลยที่ 9,15, 23, 24 , 32 , 34 , 35 , 36, 37, 41 , 52 , 61, 62, 63,64, 68, 69, 70, 71 ,72 ,73 ,75, 76, 77 ,80, 82 ,83, 84 ,85, 86, 89, 90 ,91, 92 , 93 ,94 ,95, 98,102 ,103

ต่อมาทั้งอัยการโจทก์และจำเลยยื่นอุทธรณ์ โดยการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันนี้ใช้เวลา 4 ชั่วโมง 30 นาที เนื้อหา 791 หน้า

ซึ่งศาลอุทธรณ์แผนกคดีค้ามนุษย์ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว พิพากษาแก้โทษในส่วนของ นายบรรจง หรือโกจง จำเลยที่ 1, นายอ่าสัน หรือบังสัน จำเลยที่ 2 และ นายประสิทธิ์ จำเลยที่ 6 จากเดิมที่จำคุกคนละ 78 ปี ฐานสมคบค้ามนุษย์ฯ และนายสมยศ อังโชติพันธุ์ จำเลยที่ 11 ที่เดิมศาลชั้นต้นจำคุก 74 ปี เป็นให้เพิ่มจำคุกอีกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งเมื่อรวมโทษของจำเลยที่ 1, 2 และ 6 แล้วให้จำคุกคนละ 79 ปี ส่วนจำเลยที่ 11 เป็นโทษจำคุก 75 ปี ขณะที่นายปิยวัฒน์ หรือโกหย่ง พงษ์ไทย จำเลยที่ 22 เดิมจำคุก 79 ปี เป็นจำคุก 80 ปี แต่เมื่อรวมลงโทษทุกกระทงแล้ว ให้จำคุกจำเลยทั้งหมดไว้คนละ 50 ปี

และให้เพิ่มโทษ ร.ต.ต.นราทอน สัมพันธ์ จำเลยที่ 33 และ พล.ท.มนัส คงแป้น จำเลยที่ 54 อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ในความผิดค้ามนุษย์ฯ 4 กรรม และความผิดฐานให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรฯ จากเดิมจำคุก 27 ปี เป็นจำคุก 82 ปี เช่นเดียวกับนายร่อเอ หรือเอ๋ สนยาแหละ จำเลยที่ 3 ให้จำคุกเพิ่มเป็น 34 ปี 32 เดือน โดยเมื่อรวมกับโทษเดิมที่ศาลชั้นต้นตัดสิน 14 ปี 8 เดือน เป็นให้จำคุกจำเลยที่ 3 เป็น 48 ปี 40 เดือน แต่เมื่อรวมลงโทษทุกกระทงแล้ว ให้จำคุกสูงสุดไว้ 50 ปี

ส่วนนายปัจจุบัน หรือโกโต้ง อังโชติพันธุ์ จำเลยที่ 29 อดีตนายก อบจ.สตูล ที่ศาลชั้นต้นจำคุก 75 ปี และนายซอเนียง อานู นายหน้าชาวเมียนมา จำเลยที่ 46 จำคุก 94 ปี ที่รวมลงโทษสูงสุดแล้ว ให้จำคุก 50 ปีนั้น ศาลอุทธรณ์ไม่ได้พิพากษาแก้โทษ จึงยืนผลตามศาลชั้นต้น

ขณะที่จำเลยที่ 8, 30, 45, 48, 50, 81 ศาลให้เพิ่มโทษจำคุกความผิดฐานสมคบกันค้ามนุษย์ฯอีก 4 กรรม จากเดิมจำคุกคนละ 23 ปี เป็นให้จำคุกคนละ 77 ปี กับจำเลยที่ 13, 19 ที่เดิมจำคุกคนละ 17 ปี 3 เดือน ให้เป็นจำคุก 57 ปี ขณะที่นายอาบู หรือ ส.จ.บู ฮะอุรา จำเลยที่ 14 และจำเลยที่ 31 เดิมจำคุก 27 ปี เป็นให้จำคุก 81 ปี ส่วนจำเลยที่ 44 เดิมจำคุก 15 ปี 4 เดือน เป็นจำคุก 49 ปี 28 เดือน สำหรับจำเลยที่ 59, 60, 65, 66, 74, 79, 100 จากเดิมจำคุกคนละ 19 ปี เป็นจำคุกคนละ 73 ปี แต่เมื่อรวมลงโทษทุกกระทงแล้ว ให้จำคุกสูงสุดไว้ 50 ปี และจำเลยที่ 21, 55 เดิมจำคุก 11 ปี 6 เดือน เป็น 38 ปี 6 เดือน

นอกจากนี้ให้เพิ่มโทษนายสุวรรณ หรือโกหนุ่ย แสงทอง จำเลยที่ 17 ในความผิดฐานสมคบกันค้ามนุษย์ฯอีก 4 กรรม และฐานร่วมกันพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรฯ จากเดิมจำคุก 22 ปี เป็นจำคุก 77 ปี เช่นเดียวกับจำเลยที่ 51 เดิมจำคุก 23 ปี เป็นจำคุก 78 ปี รวมทั้งจำเลยที่ 87, 97 จากเดิมจำคุก 19 ปี เป็นจำคุก 74 ปีแต่เมื่อรวมลงโทษทุกกระทงแล้ว ให้จำคุกสูงสุดไว้ 50 ปี

ส่วนนายสมรรถชัย หรือโบ้ หรือแรมโบ้ ฮะหมัด จำเลยที่ 20 ศาลให้เพิ่มโทษในความผิดฐานสมคบกันค้ามนุษย์ฯอีก 4 กรรม และฐานร่วมกันพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรฯ 2 กรรม เป็นจำคุก 48 ปี 48 เดือนส่วนจำเลยที่ 67 จากเดิมจำคุก 19 ปี เพิ่มเป็น 75 ปี สำหรับจำเลยที่ 96 จากเดิมจำคุก 22 ปี เป็นจำคุก 78 ปี แต่เมื่อรวมลงโทษทุกกระทงแล้ว ให้จำคุกสูงสุดไว้ 50 ปี

สำหรับนายอนัส หะยีมะแซ จำเลยที่ 23 และ ร.อ.วิสูตร บุนนาค จำเลยที่ 90 พิพากษาแก้จากยกฟ้องเป็นให้ลงโทษจำคุกฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติฯ 1 กรรม กับฐานสมคบกันค้ามนุษย์ฯ 6 กรรม และความผิดเกี่ยวกับคนต่างด้าวอีก 2 กรรม เป็นจำคุกคนละ 82 ปี ส่วนนายโกเซี่ย อังโชติพันธุ์ จำเลยที่ 34 ให้ลงโทษจำคุก 75 ปี ขณะที่จำเลยที่ 71, 72, 75, 80, 84, 85, 86, 89, 91, 94, 95, 98 ให้ลงโทษเพิ่มฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติฯ 1 กรรม กับฐานสมคบกันค้ามนุษย์ฯ 6 กรรม จากเดิมยกฟ้อง เป็นลงโทษจำคุกคนละ 76 ปี ขณะที่นายชินพงษ์ ชาตรูประชีวิน จำเลยที่ 92 ศาลลงโทษจำคุกฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติฯ 1 กรรม กับฐานสมคบกันค้ามนุษย์ฯ 6 กรรม และความผิดเกี่ยวกับคนต่างด้าวอีก 2 กรรม จากเดิมยกฟ้องเป็นจำคุก 77 ปี แต่เมื่อรวมลงโทษทุกกระทงแล้ว ให้จำคุกสูงสุดไว้ 50 ปี

ขณะที่จำเลยที่ 78, 88 ศาลลงโทษเพิ่มฐานสมคบกันค้ามนุษย์ฯ 3 กรรม จากเดิมจำคุก 14 ปี เป็น 54 ปี 9 เดือนแต่เมื่อรวมลงโทษทุกกระทงแล้ว ให้จำคุกสูงสุดไว้ 50 ปี

และพิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง นายถาวร หรือบังวร มณี จำเลยที่ 49 และนายผิน ร่วมบัว จำเลยที่ 101 จากเดิมที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก จำเลยที่ 49 ไว้ 23 ปี ส่วนจำเลยที่ 101 จำคุก 74 ปี

โดยศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ขัง จำเลย 14 คน ไว้ระหว่างฎีกา ประกอบด้วย จำเลยที่ 9,24,32,35,36,37,49,52,63,73,76,77,82,101 และนอกจากที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแล้ว ก็ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว นายวิทยา หรือโกจ๋วน จีระธัญญาสกุล จำเลยที่ 80 จากเดิมที่ยกฟ้อง แต่ชั้นอุทธรณ์แก้เป็นให้จำคุก 76 ปี ได้ลุกขึ้นแถลงต่อศาลทันทีว่าตนกับภรรยาไม่เคยกระทำความผิด ขณะที่ศาลชี้แจงว่าหากจำเลยไม่พอใจผลคำพิพากษาตามขั้นตอนยังสามารถฎีกาได้อีก

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากผลคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าว พบว่ามีจำเลยที่แก้โทษทั้งสิ้น 55 คน จากเดิมที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกไว้ 62 คนส่วนจำเลยที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง 40 ราย เมื่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แก้ในส่วนของจำเลยต่าง ๆ แล้ว คงเหลือจำเลยที่ยกฟ้องเพียง 26 ราย


กำลังโหลดความคิดเห็น