พิษณุโลก - จนท.ย้ายของกลางไม้ยาง 100 ปี อช.ทุ่งแสลงหลวงเก็บหน่วยป่าไม้ซุ้มขี้เหล็ก ครบ 7 ท่อน รวมยาวกว่า 40 ม. หลังมือมืดอ้างโครงการขยายไฟฟ้าฯ สั่งโค่นแปรรูปแทนลิดกิ่ง ขนซุกบ้านคนมีสี จนป่าไม้ต้องควานหาร่วม 10 วันเต็ม
ความคืบหน้ากรณีมือมืดสั่งโค่นไม้ยางนาอายุนับร้อยปีใกล้หน่วยพิทักษ์ป่า สล.5 (วังแดง) อช.ทุ่งแสลงหลวง ตัดแบ่งเป็น 7 ท่อน เมื่อ 21 ตุลาคม 62 ซึ่งต่อมาพบว่าไม้ยางนาไปโผล่ในบ้านของผู้กว้างขวางรายหนึ่งใน ต.ชมพู จำนวน 5 ท่อน และมีคนไปติดต่อ-นำพระวัดแห่งหนึ่งไปดูไม้เพื่อขอถวายไม้ยางให้วัด 2 ท่อน แต่พระสงฆ์เกรงจะมีความผิดตามกฎหมายจึงไม่ขอรับไม้ดังกล่าวเข้าวัด ทำให้มือมืดต้องนำไม้ยางไปคืนในจุดเกิดเหตุ 3 ท่อน
ทำให้คดีบันทึกจับกุมในครั้งแรกที่ปลัดอาวุโส อ.เนินมะปรางไปดูที่เกิดเหตุระบุว่ายึดไม้ได้ 3 ท่อน จากนั้นมีภาพปรากฏทางกลุ่มไลน์ราชสีห์ (ภาพที่ปรากฏพระร่วมดูไม้) ว่าไม้ของกลางคืนไม่ครบ ยังมีไม้ซุกอยู่ในความดูแลของคนมีสี กระทั่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้-พิทักษ์ป่ากดดันสืบหาข่าวและควานหาไม้ยางนาจนพบไม้ของกลางเพิ่มซุกซ่อนบนเขาเขต อช.ทุ่งแสลงหลวง 2 ท่อน และริมสระน้ำร้างในสภาพถูกแปรรูปแล้วอีก 2 ท่อน รวมไม้ของกลางตรวจยึดได้ 3 ครั้ง 7 ท่อน ความยาวรวมทั้งหมด 41 เมตร ปริมาตร 21.8 ลูกบาศก์เมตร คิดมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 371,700 บาท
นายนิพนธิ์ จำนงค์สิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 พิษณุโลก เปิดเผยว่า ไม้ยาง 2 ท่อนที่เพิ่งพบล่าสุดบริเวณริมข้างสระน้ำ หมู่ 12 ต.ชมพู ห่างจากจุดโค่นต้นยาง บริเวณป่าบ้านวังแดง หมู่ 3 ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ราว 7 กิโลเมตร จำนวน 2 ท่อนล่าสุด เจ้าหน้าที่ตีเลขเรียงยึด ย.847 และนำมาเก็บไว้ที่หน่วย พล.5 ซุ้มขี้เหล็ก สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก (กรมป่าไม้) เป็นไม้ชนิดเดียวกับไม้ของกลางที่ตีตราตรวจยึด ต.1767
นายนิพนธ์ย้ำว่า หลักฐานมีครบทุกอย่างหมดแล้ว รวมทั้งได้นำภาพถ่ายจากไลน์ราชสีห์มอบแก่ตำรวจด้วย ซึ่งขอนไม้ยางนาที่พบเป็นไม้ต้นเดียวกันกับที่ถูกโค่นล้มในอุทยานแห่งชาติฯ เมื่อนำมาต่อจนครบแล้วมีความยาว 41 เมตร ปริมาตร 21.8 ลูกบาศก์เมตร จากนี้ไปก็คงต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจ สภ.เนินมะปราง ที่จะติดตามหาตัวผู้กระทำผิด
"ถ้าจะอ้างว่าตัดตามโครงการขยายเขตไฟฟ้าที่ขยายเขตเข้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ (สล.5) อช.ทุ่งแสลงหลวงก็ต้องลิดกิ่งเท่านั้น ซึ่งอุทยานฯ กับป่าสงวนห่างกันประมาณ 6 เมตร คนตัดไม้อาจเข้าใจว่าจุดที่โค่นไม้ยางอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ แต่แท้จริงจุดเกิดเหตุอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ จึงเท่ากับกระทำความผิดทันที" นายนิพนธ์เผย
ร.ต.อ.ทรงสิทธิ์ สิงห์สถิต ร้อยเวร สภ.เนินมะปราง กล่าวว่า หน่วยป่าไม้ทำบันทึกและส่งคดีเรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้รับเป็นคดีเดียวทั้งหมด ตามรูปคดีจะต้องประสานหัวหน้าชุดสืบสวน ซึ่งมี พ.ต.ท.ชณัน ทองตัน รอง ผกก.สืบสวน สภ.เนินมะปราง เป็นหัวหน้าชุดคลี่คลายคดี จะสอบสวนมีผู้ต้องสงสัยทุกคนว่ามีใครบ้าง ทั้งคนตัดไม้ ขนย้าย ผู้รู้เห็น หลักฐานที่ดิน (สระน้ำ) เป็นของใคร จะต้องเรียกมาสอบสวนให้หมด จากนั้นจะรวบรวมหลักฐานส่งฟ้องคดี ซึ่งจะต้องมีตัวผู้กระทำความผิดแน่นอน
ทั้งนี้ บันทึกคดี 122/62 ยึดทรัพย์ 52/62 ปจว.ข้อ 4 วันที่ 29 ตุลาคม 62 ระบุ ฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา 11 ฐาน ห้ามมิให้ผู้ใดทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 48 (25) ห้ามมิให้ผู้ใดแปรรูปไม้ตั้งโรงงานแปรรูปและครอบครองเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร มาตรา 70 ผู้ใดซ่อนเร้น จำหน่ายหรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้น ซึ่งไม้หรือของป่าที่ตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้หรือของป่าได้มาจากการกระทำผิด