อุดรธานี - บุกค้นแหล่งทำมาหากินของ “แม่มณี” กลางเมืองอุดร พบตึกแถวคาดใช้เป็นออฟฟิศทำธุรกรรมแชร์ออมเงิน เผยแม่มณีเพิ่งซื้อ เม.ย.ที่ผ่านมา 3 หลังรวด เช่าเพิ่มอีก 1 หลัง ด้านผู้ปล่อยเช่าวอนผู้เสียหายอย่าทำลายตึกแถวหลังของตนเพื่อระบายแค้น
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี ว่า วันนี้ (29 ต.ค.) ได้เดินทางไปสำรวจอาคารพาณิชย์ 4 คูหา ในซอยจินตคาม เขตเทศบาลนครอุดรธานี ที่ถูกระบุว่าเป็นที่ตั้งสำนักงานของ “แม่มณี” หรือ น.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวช ผู้ต้องหาในคดีแชร์ออมเงิน-ออมทอง ที่ถูกลูกแชร์จำนวนมากแจ้งความไว้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), กองบังคับการปราบปราบอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.), ที่ สภ.เมืองอุดรธานี และที่โรงพักอื่นๆ
จุดแรกได้เข้าสำรวจที่ดินว่างเปล่าในซอยบ้านช้าง ข้างสนามบินนานาชาติ จ.อุดรธานี จุดนี้แม่มณีเคยถ่ายรูปเซลฟีแล้วขึ้นโพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมกับเขียนข้อความว่า “ต้องการทำเป็นพูลวิลล่า มีบ้านพัก สระว่ายน้ำและปาร์ตี้ส่วนตัว รวมมูลค่า 40 ล้านบาท”
โดยชาวบ้านแถวนั้นเล่าว่า แม่มณีได้ติดต่อขอซื้อในจำนวนประมาณ 5 ไร่ ในราคาไร่ละ 8 ล้านบาท แต่พอตกลงกันเรียบร้อยแล้วกลับไม่มาตามนัด
จุดที่ 2 เป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ตั้งอยู่ในซอยจินตคาม เขตเทศบาลนครอุดรธานี อาคารพาณิชย์ที่ถูกระบุเป็น สำนักงานของแม่มณี 4 คูหา หลังที่ 1-3 เป็นอาคาร 3 ชั้นอยู่ในอาคารชุดเดียวกัน แต่ไม่ติดกัน หลังแรก เลขที่ 80/39 มีป้ายไม้เขียนว่า มั่งมีศรีสุข ร่ำรวยบารมี (บ้านแม่มณี) ประตูด้านหน้าเป็นกระจกทึบแสง ไม่ดึงประตูม้วนเหล็กลงมาปิด
อาคารพาณิชย์หลังที่ 2 ข้ามมาอีก 1 ห้อง เลขที่ 80/41 ประตูด้านหน้าเป็นกระจกใส แต่ด้านในมีผ้าม่านสีแดงปิดไว้ ไม่ดึงประตูเหล็กลงมาปิดเช่นกัน
ส่วนอาคารหลังที่ 3 ติดกับหลังที่ 2 เลขที่ 80/42 มีป้ายระบุว่า ร้านรีโอโมบาย (ป้ายเก่า) ด้านหน้าประตูเหล็กถูกเลื่อนลงมาปิดไว้ และอาคารพาณิชย์หลังที่ 4 อยู่ฝั่งตรงข้าม เลขที่ 452/10 มีป้ายร้านต้นแฮนด์โฟน (ป้ายเก่า)
ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนี้เล่าว่า แม่มณีเริ่มเข้ามาตั้งสำนักงานโดยซื้ออาคารพาณิชย์ราวเดือนเมษายนที่ผ่านมา เริ่มจากหลังที่ 1 ราคาประมาณ 4.9 ล้านบาท จากนั้นก็ทยอยซื้ออีก 2 หลังแต่ไม่ติดกัน คือหลังที่ 3 ราคาประมาณ 4.9 ล้านบาท และหลังที่ 4 ราคาประมาณ 5.5 ล้านบาท ส่วนหลังที่ 2 เป็นอาคารที่เช่าเดือนละ 12,000 บาท จ่ายล่วงหน้า 1 ปี ทั้งหมดใช้เป็นสำนักงาน ที่พักพนักงาน และเก็บสินค้า
ชาวบ้านบอกอีกว่า ระยะหลังไม่มีวัยรุ่นมาทำงานที่สำนักงาน เขาบอกว่าหาคนทำงานให้ไม่ได้ จะต้องไปตั้ง สำนักงานที่กรุงเทพฯ แต่ก็ยังมีคนมาทำงานและเฝ้าสำนักงานอยู่ จนเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา คนเฝ้าก็ไม่ได้เข้ามาอีก จนมีข่าวว่ามีคนไม่ได้รับเงินจากแชร์ออมเงินของแม่มณี โดยมีผู้เสียหายส่วนหนึ่งไปแจ้งความ
ด้านนางชนกนภา บำรุงพรไพศาล อายุ 60 ปี เจ้าของอาคารพาณิชย์หลังที่ปล่อยให้แม่มณีเช่า เปิดเผยว่า ได้รู้จัก น.ส.วันทนีย์ หรือแม่มณี ตอนเขามาขอเช่าอาคารพาณิชย์ของตนที่อยู่ติดกับสำนักงานของเขาโดยทำสัญญาเช่าเป็นรายปี ปีละ 160,000 บาท สัญญาเริ่ม มิ.ย. 62 จนถึง มิ.ย. 63 ตอนที่เขาตกลงเช่าเขาก็เรียกแม่ไปคุยด้วยและบอกลูกน้องจ่ายเงินสดให้เลยจำนวน 160,000 บาท
นางชนกนภาบอกว่า ตอนนั้นก็คิดในใจและมาเล่าให้ลูกสาวฟังว่า เขาไปทำอะไรมาถึงได้รวยจัง ทำไมเราไม่รวยเหมือนเขาบ้าง ตอนนี้เขายังไม่หมดสัญญาก็จะให้เช่าต่อไป แต่พอมีข่าวเรื่องแม่มณีโกงแชร์จึงรีบมาดูอาคารพาณิชย์ของตนว่าเป็นอย่างไรบ้าง มีใครมาทำลายเสียหายหรือไม่
“ตอนนี้อยากจะบอกกับบรรดาผู้เสียหายให้เข้าใจว่า อาคารพาณิชย์หลังนี้ไม่ใช่ของแม่มณี เป็นของครอบครัวของเรา ผู้เสียหายอย่าได้มาทำอะไรกับอาคารพาณิชย์หลังนี้ ห้ามทำลายทรัพย์สินต่างๆ ของเราอย่างเด็ดขาด” นางชนกนภา กล่าวทิ้งท้าย