อุบลราชธานี - สภาการหนังสือพิมพ์และมูลนิธิสื่อสร้างสุขร่วมกับภาคีเครือข่ายจัดให้ความรู้การรับมือข่าวลวง ข่าวด้านมืดออนไลน์ เสนอแบนสินค้าสนับสนุนเพจข่าวลวง ข่าวเท็จ พร้อมสร้างคนรุ่นใหม่รู้เท่าทันสื่อยุคประเทศไทย 4.0
ที่ห้องปทุมวัน โรงแรมสุนีย์แกรนด์ อ.เมืองอุบลราชธานี สภาการหนังสือพิมพ์ร่วมกับมูลนิธิสื่อสร้างสุขอุบลราชธานี และภาคีเครือข่ายรวม 6 องค์กร จัดเวทีกระจายความรู้พร้อมวิธีรับมือกับข่าวลวง ข่าวด้านมืด ด้วยความเข้มแข็งของท้องถิ่นในการรับมือข่าวลวงและข่าวด้านมืดของออนไลน์ โดยมี รศ.ดร.มาลี บุญศิริพันธุ์ นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน นายสุชัย เจริญมุขยนันท์ สื่อมวลชนท้องถิ่นจากมูลนิธิสื่อสร้างสุขอุบลราชธานี และตัวแทนจากองค์กรเอกชนประเทศกัมพูชา และ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และอดีต กสทช.เป็นผู้ดำเนินรายการ
ทั้งนี้สืบเนื่องจากประเทศไทยยุค 4.0 มุ่งหวังให้มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม นำเทคโนโลยีทันสมัยมาช่วยพัฒนาประเทศ ขณะเดียวกัน กระแสการเกิดขึ้นของสินค้าและการให้บริการรูปแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีมาสนับสนุนหรือที่ปัจจุบันเรียกกันทั่วไปว่า “เทคโนโลยีก้าวกระโดด” (Disruptive Technology) ในภาคต่างๆ
เช่น ภาคการเงิน ภาคการซื้อขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ และภาคการให้บริการผ่านเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนา การอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในวิถีของสังคมปัจจุบัน ทำให้ได้รับความนิยมจากการบริการรูปแบบใหม่เหล่านี้
ส่งผลกระทบต่อผู้ให้บริการแบบดั้งเดิม ทั้งในเรื่องของรายได้และขีดความสามารถในการแข่งขัน จนถึงขนาดบางกรณีไม่อาจแข่งขันในตลาดต่อไปได้ เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ หรือโทรทัศน์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีสารสนเทศแบบใหม่ผ่านสื่อสังคม ( Social Media) สิ่งพิมพ์หลายฉบับต้องปิดตัวลง เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะประชาชนจำนวนมากได้เปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคหันมาเสพสื่อผ่านทางโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนอย่างแพร่หลาย
ขณะเดียวกันสื่อออนไลน์ก็ได้สร้างปัญหาโดยมีการสร้างข่าวลวง ข่าวเท็จออกสู่สังคม เพื่อหวังยอดกดไลก์ กดแชร์ หรือมีการนำเทคโนโลยีสร้างความเสียหายแก่บุคคล หรือองค์กร โดยที่คนเหล่านั้นไม่ได้ทำ ซึ่งเวทีการหารือได้สรุปบทเรียนแลกเปลี่ยนทางแก้ ทั้งการสร้างคนรุ่นใหม่ให้รับข่าวสารอย่างมีสติ เช่น กรณีข่าวน้ำท่วมจังหวัดอุบลราชธานี มีสื่อออนไลน์บางสำนักเสนอข่าวเกินจริงจนสร้างความตื่นตะหนกในวงกว้างว่าน้ำจะท่วมโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ทั้งที่ความจริงระดับน้ำที่ท่วมยังอยู่ห่างไกล และไม่มีโอกาสไหลท่วมถึงได้ เป็นต้น
จึงมีการเสนอให้แบนสินค้าที่ร่วมลงโฆษณากับเพจ หรือสื่อออนไลน์ต่างๆ ที่นำเสนอข่าวลวงเหล่านั้น เพื่อเป็นการสกัดกั้นในการปล่อยข่าวลวง ข่าวไม่จริง โดยเพียงหวังยอดกดไลก์ กดแชร์ เพราะในต่างประเทศสามารถทำอย่างได้ผลมาแล้ว รวมทั้งต้องสร้างคนรุ่นใหม่ให้รู้เท่าทันสื่อลวงต่างๆ
นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI ปัญญาประดิษฐ์ โดย ดร.พณชิต กิตติปัญญางาม นายกสมาคมไทยเทค สตาร์ทอัพ Thailand Tech Startup ซึ่งระบุว่าอีกเพียง 10 ปีเทคโนโลยี AI จะมีความรู้เทียบเท่ากับมนุษย์ จากนั้นอีก 30 ปีจะมีความรู้เหนือกว่ามนุษย์ ซึ่งเป็นห่วงว่าอนาคตมนุษย์ในสมัยนั้นจะทำอย่างไรต่อการดำเนินชีวิต และจะมีการนำเทคโนโยลีนี้ไปสร้างเรื่องราวให้คนต่างๆ ได้รับความเสียหาย ทั้งที่คนเหล่านั้นไม่ได้ทำก็ได้เช่นกัน