LINE TV บุกจอใหญ่ หลังเห็นแนวโน้มรับชมผ่าน Chromcast เพิ่มสูงขึ้นเป็น 3 ล้านครั้งในเดือนกันยายนที่ผ่านมา เตรียมออกแอปพลิเคชันให้ผู้ใช้งาน Android TV และ Apple TV เป็นทางเลือกในการรับชมผ่านจอโทรทัศน์ เพื่อให้เข้าถึงคนไทยได้มากขึ้น
กณพ ศุภมานพ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจคอนเทนต์ LINE ประเทศไทย กล่าวถึงเทรนด์การรับชม LINE TV ในปีนี้ว่าจะเน้นการขยายฐานผู้ชมไปยังจอใหญ่มากขึ้น จากการที่เห็นเทรนด์การรับชมผ่าน Chromcast ที่เข้ามาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้
“ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีลูกค้าที่เลือกรับชม LINE TV ผ่านอุปกรณ์ Chromecast ถึง 3 ล้านครั้ง ซึ่งมีการเติบโตเดือนต่อเดือนสูงกว่าการเติบโตของ LINE TV ในแต่ละเดือน จึงเห็นเป็นเทรนด์ที่น่าสนใจในการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคมากกว่า”
โดยล่าสุด ได้มีการเพิ่มแอปพลิเคชัน LINE TV ให้ผู้ใช้งาน Android TV ดาวน์โหลดไปติดตั้งใช้งานบนสมาร์ททีวีแล้ว ส่วนผู้ใช้งาน Apple TV กำลังเตรียมที่จะเปิดให้ดาวน์โหลดในเร็วๆนี้ ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มระยะเวลาในการรับชมแล้ว ยังทำให้ผู้บริโภคสะดวกขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างพูดคุยกับแบรนด์ผู้จำหน่ายสมาร์ททีวี ที่จะทำการพรีโหลดแอปพลิเคชัน LINE TV เข้าไปพร้อมการวางจำหน่าย ซึ่งจะมีการทำแคมเปญร่วมกับผู้ผลิตทีวีออกมาภายในสิ้นปีนี้
สำหรับกลยุทธ์ของ LINE TV ในปีนี้ ในการเพิ่มฐานผู้ชมนอกเหนือจากการทำงานร่วมกับพันธมิตรผู้ผลิตคอนเทนต์ให้หลากหลายแล้ว จะเน้นไปที่การเพิ่มฟีเจอร์เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานให้แก่คนไทย
พร้อมกับการเพิ่มระบบค้นหาคอนเทนต์ให้ง่าย และรวดเร็วขึ้น ด้วยการเพิ่มแถบค้นหา 2 แถบ คือ ‘100 ล้านวิว’ และ ‘Movie Tab’ ที่จะคัดเลือกคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยม มีคุณภาพ และภาพยนตร์เต็มเรื่องมาช่วยเพิ่มทางเลือก และสร้างประสบการณ์ใช้งานที่ดีขึ้น
ขณะเดียวกัน เพื่อขยายฐานผู้ชมที่มีไลฟ์สไตล์คนเมือง ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในพื้นที่กรุงเทพฯ หรือเมืองหลักเท่านั้น แต่จะรวมไปถึงผู้ที่มีพฤติกรรมในการเลือกรับชมคอนเทนต์ ตามความสะดวกในการใช้งาน ในรูปแบบของอยากดูเมื่อไหร่ก็สามารถดูได้ทันที
หนึ่งในเทคโนโลยีหลักที่ LINE นำมาใช้คือการทำ Personalize ตามความต้องการของผู้ชมแต่ละคน ในการนำเสนอคอนเทนต์ตามเนื้อหาที่สนใจ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ผู้บริโภคแต่ละรายจะสนใจคอนเทนต์ที่ไม่เหมือนกัน
***สำรวจพฤติกรรมผู้ใช้ LINE TV
ปัจจุบัน LINE TV แบ่งฐานผู้ชมออกเป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือ 1.กลุ่มวัยรุ่นอายุ (Youngster) 14-25 ปี 2.วัยทำงาน (Premium Mass) ช่วงอายุ 21-34 ปี 3.ตามลักษณะคอนเทนต์ (Segmented Users) ที่ครอบคลุมช่วงอายุ 14-34 ปี และ 4.ผู้ชมทั่วไป (Mass) ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่สุดครอบคลุมช่วงอายุ 14-45 ปี จากเนื้อหาที่ดูง่ายแบบครอบครัว
มีการสำรวจถึง 5 เหตุผลที่ทำให้ LINE TV ได้รับความนิยมคือ 1.เป็นแพลตฟอร์มที่นำคอนเทนต์มารีรันได้เร็วที่สุด 2.ฟรี ด้วยรูปแบบของการเป็นพรีเมียม วิดีโอออนไลน์ แพลตฟอร์ม 3.มีคอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟ 4.คอนเทนต์มีคุณภาพ และ 5.ใช้งานง่าย
ช่วงเวลาที่มีการรับชมคอนเทนต์มากที่สุดคือช่วง 15.00 - 18.00 น. หรือช่วงเวลาเลิกงาน เลิกเรียน ตามด้วยช่วงเวลา 20.00 - 22.00 น. ที่เป็นช่วงก่อนนอนพักผ่อน และช่วง 12.00 - 14.00 น. ที่เป็นช่วงพักกลางวัน
โดยระยะเวลาในการรับชมเฉลี่ยต่อคนต่อวันอยู่ที่ 176 นาที จากจำนวนคอนเทนต์ที่ถูกดู เทียบกับจำนวนผู้ใช้งานเฉลี่ยทั้งปี โดยปัจจุบัน LINE TV มีผู้ผลิตคอนเทนต์ที่เป็นพันธมิตรกว่า 220 ราย มีคอนเทนต์คุณภาพมากกว่า 1,000 เรื่อง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา LINE TV มีจำนวนผู้ชมเพิ่มขึ้นจากในช่วงต้นปีที่ 33 ล้านราย มาเป็น 40 ล้านรายในปัจจุบัน จากฐานลูกค้า LINE กว่า 44 ล้านราย
“ที่ผ่านมาหลายๆ ครั้งกระแสของคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมจะเกิดขึ้นจากการรับชมผ่านทีวีรีรันก่อน และจึงทำให้คอนเทนต์ที่ถ่ายทอดบนช่องทางหลักได้รับความนิยม ทำให้เห็นได้ว่า คนดูไม่ได้หายไป ยังมีการรับชมคอนเทนต์อยู่ แต่เปลี่ยนพฤติกรรมเท่านั้นเอง”
***คู่แข่งเข้ามาช่วยให้ตลาดรับรู้ได้กว้างขึ้น
กณพ มองถึงการแข่งขันในตลาดผู้ให้บริการแพลตฟอร์มรับชมคอนเทนต์ออนไลน์จากการที่จะมีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาในตลาดว่า จะเป็นเรื่องที่ดีเพราะช่วยขยายการรับรู้ถึงรูปแบบบริการแบบนี้ นอกเหนือจากกลุ่มที่คุ้นเคยกับแพลตฟอร์มแล้ว
“เมื่อมีคู่แข่งเข้ามาจะทำให้ตลาดโดยรวมโตไปได้อีกเยอะ แต่ต้องยอมรับว่าในระยะสั้นจะมีผลกระทบ ในเรื่องของการแย่งชิงคอนเทนต์ แย่งชิงลูกค้ากัน แต่ในระยะยาวก็จะช่วยให้ตลาดออนไลน์ทีวีมีการเติบโต”
ขณะเดียวกัน จากการพูดคุยกับผู้ผลิตคอนเทนต์ สิ่งหนึ่งที่ต้องการมากที่สุดคือ การเข้าถึงจำนวนผู้ชมที่มากที่สุด ทำให้แพลตฟอร์มที่มีผู้รับชมจำนวนมากจะเป็นที่ต้องการของผู้ผลิตคอนเทนต์ และโดยส่วนใหญ่แล้วคอนเทนต์ไทย ยังคงเน้นเจาะกลุ่มผู้ใช้ในไทยเป็นหลัก ไม่ได้เน้นจับตลาดต่างประเทศมากนัก