นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า การทำงานของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) เน้นตรวจสอบข่าวที่มีผลกระทบต่อประชาชน กระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินโดยคาดหวังให้เกิดการรับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อการเผยแพร่ต่ออย่างรู้เท่าทันสื่อ และเป็นโอกาสดีที่มีการเปิดตัวศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (PCT) เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า หลักเกณฑ์ในการพิจารณาข่าวปลอมที่มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง เน้นย้ำว่าข่าวปลอมที่มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินต่อประชาชนโดยตรง เช่น โรคระบาด ภัยพิบัติ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ข่าวที่สร้างความแตกแยกในสังคม ข่าวที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสังคม ตลอดจนข่าวที่ทำลายภาพลักษณ์ต่อประเทศ โดยมีหลักเกณฑ์ในการทำงานโดยยึดหลักความเที่ยงธรรมและความปราศจากอคติในการคัดเลือกข่าว ความเป็นส่วนบุคคลกับสิทธิเสรีภาพของการนำเสนอข่าว การขัดกันด้านผลประโยชน์ และผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง ให้ความเป็นธรรมแก่ฝ่ายที่ถูกพาดพิงและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเท่าเทียมกัน สามารถอธิบายกระบวนการการพิสูจน์ การตรวจสอบ แหล่งที่มาของบทความและข้อเท็จจริง มีความรู้เกี่ยวกับข่าวให้ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้อย่างเปิดเผย ซื่อสัตย์ และโปร่งใส และสุดท้าย และเป็นหน่วยงานที่อิสระไม่ขึ้นต่ออิทธิพลของหน่วยงานหรือองค์กร
ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมมีหน้าที่หลักจะมีการติดตาม ตรวจสอบข้อมูลที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์และระบบอินเทอร์เน็ต พร้อมวิเคราะห์แนวโน้ม และบ่งชี้ข้อมูลที่เป็นข่าวปลอม ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบข้อมูล ผลิตข้อมูลที่ถูกต้อง จัดส่งข้อมูลต่อหน่วยงานที่เป็นเจ้าของเรื่องประกอบการดำเนินการตามอำนาจ หน้าที่ และข้อสำคัญขั้นตอนการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องต่อประชาชนและสาธารณชน จะผ่านกลไกภาคสื่อสารมวลชนอาทิ เช่น สำนักข่าวไทย สมาคมนักข่าว เครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน และมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างองค์ความรู้ สร้างจิตสำนึกรอบรู้เท่าทันเพื่อให้ประชาชนสามารถปกป้องตนเองจากปัญหาข่าวปลอม ตลอดจนให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนาเครื่องมือระบบตรวจสอบข่าวปลอมให้มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เตรียมพิจารณาจัดทำเครื่องมือเพื่ออำนวยความสะดวก อาทิ เว็บไซต์ และ แอปพลิเคชัน โดยมีแนวทางการจำแนกข่าวปลอมเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ ข่าวกลุ่มภัยพิบัติ (น้ำท่วม แผ่นดินไหว เขื่อนแตก สึนามิ ไฟไหม้) ข่าวกลุ่มเศรษฐกิจ การเงินการธนาคาร/หุ้น ข่าวกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายอื่น และข่าวกลุ่มนโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ
เป้าหมายหลักคือ เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน มีช่องทางเพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ป้องกันการแชร์เนื้อหาข่าวที่ไม่เหมาะสม ตลอดจนสามารถรู้เท่าทันข่าวปลอม